บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ December 20, 2023

ไม้ปูพื้น เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คนที่ปลูกบ้านเองย่อมทราบอยู่แล้วว่าต้องใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนในการเลือกและปูซึ่งจะละเลยไม่ได้ เพราะวัสดุไม้ปูพื้นเมื่อนำมาปูแล้วก็จะทำให้เกิดความสวยงามทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ใช่ว่าไม้ทุกชนิดจะสามารถนำมาใช้ในการปูพื้นได้ ซึ่งเราแบ่งไม้ได้เป็น 2 ประเภท คือ ไม้เนื้อแข็ง เหมาะสำหรับใช้กับงานภายนอกหรือพวกโครงสร้างอาคาร และไม้เนื้ออ่อนที่เหมาะกับการนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ฉะนั้น เรามา ทำความรู้จักตั้งแต่ วิธีเลือกวัสดุปูพื้น ทั้งพื้นไม้ยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่มักนำไปใช้ปูพื้นบ้านกัน นอกจากนี้ เรายังมีเกร็ดความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับการดูแลรักษาพื้นบ้านให้สวยงามอยู่เสมอและเคล็ดลับการสร้างบ้านให้เย็นด้วยวัสดุไม้ ลองไปดูกันเลยว่าจะมีข้อมูลอะไรน่าสนใจบ้าง


1. ไม้สัก (Teak wood)

เป็นสุดยอดไม้ที่หลายคนอยากจะครอบครองด้วยความสวยงามของเนื้อไม้สัก โดยเฉพาะไม้สักทอง ยิ่งไม้สักที่มีอายุมากๆ สีเหลืองของไม้ก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลแก่ มีความแข็งแรงทนทาน มีคุณสมบัติการยืดหดตัวต่ำ สามารถนำมาเลื่อย ไสกบ ตกแต่ง และขัดเงาได้ง่ายๆ แถมในเนื้อไม้สักมีสารเคมีพิเศษอยู่ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า O-cresyl methyl ether ที่มีคุณสมบัติพิเศษเมื่อทาหรืออาบไม้แล้ว ไม้จะมีความคงทนต่อศัตรูของไม้อย่าง ปลวก แมลง และเห็ดราต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

บริเวณที่ควรนำมาใช้งาน

ด้วยความสวยงามของเนื้อไม้จึงไม่นิยมนำมาปูพื้นบริเวณที่ต้องมีการใช้งานบ่อยหรือต้องใช้งานหนัก ไม้สักจะเหมาะกับการใช้เป็น ไม้ปูพื้น ภายในห้องพระหรือห้องนอนมากกว่า

ไม้สัก (Teak wood)


2. ไม้มะค่า (Makha wood)

ถือว่าเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีคุณสมบัติหลากหลาย เมื่อเริ่มแปรรูปไม้ใหม่ๆ จะมีสีน้ำตาลออกปนเหลือง แต่พอผ่านไปสักระยะสีก็จะมีความเข้มขึ้น แต่ถ้าหากเปียกน้ำสีของเนื้อไม้จะกลายเป็นสีดำ จึงไม่ควรนำไปใช้ในการปูภายนอกอาคาร เนื้อไม้มะค่าจะมีความหนาแน่น ทนทาน ผุพังได้ยาก จุดเด่นคือลวดลายที่ชัดเจนคล้ายกับลวดลายของไม้สักมาก เหมาะสำหรับไปทำไม้ปูพื้นและเฟอร์นิเจอร์ และยังมีความทนทานต่อปลวกและมอดได้เป็นอย่างดี อายุการใช้งานประมาณ 10 ปี

บริเวณที่ควรนำมาใช้งาน

นำไปปูเป็นพื้นไม้ในบ้านได้ทุกห้อง แต่ระวังอย่าให้โดนแดด เพราะจะทำให้สีของเนื้อไม้ไม่สวยงาม

ไม้มะค่า (Makha wood)


3. ไม้แดง (Iron wood)

เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีสีออกน้ำตาลแดง และมีจุดสีดำแทรกอยู่ในเนื้อไม้ ลายค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับไม้ชนิดอื่น แต่ถ้ามองลักษณะโดยรวมจะมีความคล้ายกับไม้ประดู่มาก ข้อดีของไม้แดงคือราคาไม่สูงมาก จึงถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างสำหรับงานที่อยู่ภายนอกอาคาร เช่น พื้นระเบียง ฝาบ้าน ฝ้าชายคา และรั้วไม้ นอกจากความแข็งแรงของเนื้อไม้แล้วไม้แดงยังมีความยืดหดตัวสูง ฉะนั้น หากนำไม้แดงมาใช้งานควรที่จะตีร่องเผื่อการขยายตัวของเนื้อไม้เพื่อที่จะไม่เกิดการปริแตกในภายหลัง ไม้แดงยังมีความพิเศษคือเป็นไม้ที่ต้านทานไฟได้ด้วย

บริเวณที่ควรนำมาใช้งาน

มักจะนำไปใช้ในการปูพื้นภายนอกบ้าน อาทิ ระเบียง หรือขอบสระว่ายน้ำ

ไม้แดง (Iron wood)


4. ไม้เต็ง (Shorea wood)

จัดได้ว่าเป็นไม้เนื้อแข็งที่มีราคาถูกสุด เหมาะที่จะใช้กับงานภายนอกอาคาร เพราะผิวไม้ไม่ค่อยมีลวดลายสวยงามมากนัก จึงไม่ค่อยถูกนำมาใช้ในการตกแต่ง ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในการก่อสร้างเพราะสามาถรองรับน้ำหนักได้ดี มีความแข็งแรงทนทานมาก ทนต่อแดดและฝนเป็นอย่างดี เนื้อไม้มีความเหนียว อายุการใช้งานจะอยู่ที่ราวๆ 10-12 ปี

บริเวณที่ควรนำมาใช้งาน

นิยมนำไปใช้กับงานภายนอกอาคาร เช่น ซุ้มระแนงไม้ พื้นระเบียงไม้ ประตูรั้วไม้ ขอบสระว่ายน้ำ

ไม้เต็ง (Shorea wood)


5. ไม้รกฟ้า (Rok-fa wood)

หรือที่เรียกอีกชื่อว่าไม้เชือก เป็นไม้เนื้อแข็งที่ให้ความละเอียดและเหนียวมาก สีจะออกน้ำตาลเข้มจนถึงดำ

บริเวณที่ควรนำมาใช้

จะนิยมใช้ในบริเวณที่เป็นพื้นไม้ทั้งภายในและภายนอกโดยเฉพาะในส่วนที่เป็นพื้นระเบียง

ไม้รกฟ้า (Rok-fa wood)


6. ไม้ตะเคียน (Hopea wood)

ถึงชื่ออาจจะฟังแล้วน่ากลัวไปเสียหน่อย แต่ไม้ตะเคียนก็ได้รับความนิยมนำไปสร้างบ้านโดยเฉพาะไม้ตะเคียนทอง สาเหตุเพราะเนื้อไม้จะมีสีเหลืองออกทองแต่หากถูกแสงแดดก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ฉะนั้น หากนำไม้ตะเคียนไปใช้ก็ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่ต้องสัมผัสกับแดดและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เพราะอาจจะเกิดปัญหาสีไม้ที่ไม่สม่ำเสมอกันได้ คุณสมบัติของเนื้อไม้ตะเคียนจะมีความยืดหดตัวน้อย แต่มีความทนทานต่อปลวกและแมลงกัดกินเนื้อไม้ได้อย่างยอดเยี่ยม

บริเวณที่ควรนำมาใช้

จากคุณสมบัติสามารถนำไปใช้ปูพื้นภายในบ้าน ฝาบ้าน หรือเป็นไม้ระแนงได้

ไม้ตะเคียน (Hopea wood)


7. ไม้ประดู่ (Tabek wood)

เป็นไม้ที่มีกลิ่นหอม ส่วนเรื่องของความแข็งแรงจะพอๆกับไม้แดงแต่จะมีความหดตัวน้อยกว่า เนื้อไม้จะออกหลายเฉดสีไล่ตั้งแต่สีแดงอมเหลืองไปจนถึงสีแดงอย่างสีอิฐแก่ ไม้ประดู่ที่คนนิยมนำมาใช้จะเป็นไม้ประดู่แดง

บริเวณที่ควรนำมาใช้

สามารถนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ หรือปูพื้นบ้านได้ทุกห้อง

ไม้ประดู่ (Tabek wood)


เราพอรู้จะได้รู้จักไม้แต่ละประเภทที่สามารถนำมาใช้ในการก่อสร้างบ้านกันแล้ว มาถึงเรื่องการดูแลรักษาเนื้อไม้ก็ควรหมั่นทำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดถูก็เพียงพอ แต่ถ้ากังวลเรื่องของปลวกหรือมอดก็แก้ไขได้ โดยก่อนนำไม้มาใช้งานก็ควรทาน้ำยาป้องกันไว้ก่อน จากนั้นก็เคลือบผิวไม้อีกชั้นให้มีความสวยงามมันวาว เท่านี้คุณก็มีบ้านที่ปูพื้นด้วยไม้สวยงามอย่างที่ต้องการแล้ว


สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างบ้านด้วยวัสดุไม้

หลังจากที่เราทราบกันไปแล้วเกี่ยวกับการสร้างบ้านด้วยวัสดุไม้ปูพื้น สิ่งที่เราควรรู้และให้ความใส่ใจถัดมาคือ การดูแลรักษาพื้นอย่างไรให้สวยและมีสภาพไม้อยู่เสมอ รวมไปถึงเคล็ดลับดี ๆ อย่างการสร้างบ้านให้เย็นด้วยวัสดุไม้ ถ้าพร้อมแล้วลองไปดูข้อมูลที่น่าสนใจกันเลย


วิธีการดูแลพื้นไม้ให้ดูสวยและใหม่อยู่เสมอ ?

พื้นบ้านที่ใช้เป็นวัสดุการปูพื้นมีหลากหลายชนิด ซึ่งมีวิธีการดูแลที่แตกต่างกันไปตามชนิดของพื้น แต่การดูแลรักษาพื้นไม้นั้นค่อนข้างต้องใส่ใจในการดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากไม้เป็นวัสดุที่ต้องใช้ความใส่ใจในการดูแลรักษาเป็นอย่างมาก ซึ่งวิธีดูแลวัสดุปูพื้นที่ถูกต้องไม่เพียงช่วยให้พื้นสะอาดเเละใหม่ แต่ยังช่วยลดการเสื่อมสภาพจากความชื้นได้อีกด้วย

  • ควรระวังความชื้น เนื่องจากเป็นแหล่งที่มาของปลวก และอาจทำให้พื้นไม้เสียหายได้
  • ควรกวาดเป็นประจำ ถูด้วยผ้าแห้งหรือไม้ดันฝุ่น
  • ถูด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ เพียงสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอ
  • ถ้าหากพื้นมีความสกปรกมากๆ จะใช้น้ำยาทำความสะอาดร่วมด้วย แต่มีข้อควรระวังในการเลือกน้ำยาทำความสะอาดพื้นคือ ไม่ควรมีแอมโมเนีย และแอลกอฮอล์ เพราะจะกัดทำลายผิวหน้าของไม้และเกิดรอยด่าง
  • กรณีที่พื้นเปื้อนควรรีบทำความสะอาดทันที อย่าปล่อยให้แห้งเอง เพราะพื้นไม่สามารถที่จะลบรอยด้วยการขัดได้

เราได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการเลือกไม้ปูพื้นให้เหมาะสมกับการใช้งานและการดูแลรักษาเพื่อให้พื้นไม้ดูสวยงามและยืนหนึ่งอยู่ในเวลานาน นอกจากนี้ ยังได้รู้จักวิธีการดูแลรักษาพื้นไม้ เพื่อลดการเสื่อมสภาพจากความชื้น และการทำความสะอาด ซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนซื้อวัสดุใหม่ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้วัสดุไม้ในการสร้างบ้านนั้น ยังคงเป็นการลงทุนที่มีค่าและสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับบ้านของเราอย่างไม่ซ้ำใคร ดังนั้น อย่าลืมศึกษาความรู้ความเข้าใจในการดูแลรักษาพื้นไม้ให้เหมาะสม และเลือกใช้วิธีที่ถูกต้องเพื่อให้พื้นไม้ของเรายังคงดูสวยงามและใหม่อยู่เสมอ


เทคนิคสร้างบ้านไม้ให้เย็น ช่วยประหยัดไฟและเงินในกระเป๋า

การสร้างบ้านไม้มักจะเป็นที่นิยม เนื่องจากบ้านไม้ให้ความรู้สึกเย็นสบาย แต่บ้านไม้ก็มีจุดอ่อนเช่นเดียวกับบ้านปูน เช่น ช่องรอยต่อของแผ่นพื้นไม้ ไม้ผนัง และบานประตูหน้าต่าง ซึ่งสามารถปรับปรุงได้โดยการเลือกใช้วัสดุที่ช่วยป้องกันการไหลเข้าของอากาศร้อนได้ โดยนอกจากการปูพื้นด้วยวัสดุไม้จะช่วยให้บ้านเย็นได้แล้ว การสร้างบ้านด้วยการเลือกใช้วัสดุไม้กับส่วนอื่น ๆ ภายในบ้านยังสามารถช่วยทำให้บ้านเย็นได้ด้วยเทคนิคเหล่านี้

  • พื้น : การก่อสร้างบ้านไม้โดยการต่อแผ่นไม้เข้าด้วยกันบนพื้นไม้จะทำให้เกิดรอยต่อมากมาย แนะนำให้ตีปิดฝ้าเพดานยิปซั่มหรือซีเมนต์บอร์ดใต้ตั้งไม้แทน เสริมไม้โครงเพิ่มก่อนด้วยก็ได้ ปูฉนวนกันเสียงเพิ่มแทรกเข้าไประหว่างตั้งหรือช่องว่างระหว่างตั้งกับไม้โครงชุดใหม่เพื่อช่วยลดเสียงกระทบจากพื้นในช่วงที่มีคนเดิน
  • ผนัง : การตีแผ่นผนังของบ้านไม้ซ้อนทับกันทำให้ลมร้อนเข้าสู่ภายในได้ง่าย วิธีแก้คือการทำผนังซ้อนด้านในบ้านอีกชั้นและเสริมฉนวนกันความร้อนระหว่างโครงคร่าว ถ้าเป็นบ้านไม้ที่มีโครงสร้างเสาคานทำเป็นปูนก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นโครงสร้างเสาคานที่ทำจากไม้ควรยึดแผ่นผนังผืนใหม่กับโครงคร่าวเดิมหรือเสริมไม้โคร่งคราวที่จำเป็นโดยการเลือกวัสดุทดแทนไม้ เช่น ไม้เทียม ไม้ไวนิล เพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาระน้ำหนักให้กับโครงสร้างไม้
  • หน้าต่าง : หากหน้าต่างหันไปทางทิศตะวันตก ควรปิดใช้งานและซ้อนผนังทึบหรือลดขนาดบานหน้าต่าง แต่ถ้าหน้าต่างหันไปทางทิศเหนือ ควรเปิดรับแสงธรรมชาติได้มากขึ้นด้วยบานกระจก และเปลี่ยนเป็นกรอบวงกบ UPVC เพื่อป้องกันการรั่วซึมของอากาศที่จะเข้ามาตามรอยต่อได้ดีกว่าบานไม้แบบเดิม หรือปรับปรุงบานไม้เดิมด้วยการปรับขอบบานเป็นขอบบานแบบบังใบ พร้อมกับเสริมเส้นยางตลอดแนววงกบ
  • ฝ้าเพดาน : การป้องกันความร้อนจากหลังคาเป็นสิ่งสำคัญในการลดอุณหภูมิในบ้าน ซึ่งบ้านไม้เก่าหลายหลังใช้วัสดุไม่เหมาะสมในการป้องกันความร้อน การแก้ไขควรเลือกปรับเป็นฝ้าเพดานยิปซั่มหรือซีเมนต์บอร์ดแบบฉาบเรียบ พร้อมทั้งติดตั้งตัวฉนวนกันความร้อนเหนือแผ่นฝ้าเพดาน และหากต้องการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ควรตรวจสอบตำแหน่งในการติดตั้งและติดตั้งเสริมโครงเหล็กสำหรับใช้ยึดแผ่นเหล็กกับยึดตัวเครื่องปรับอากาศ

การสร้างบ้านไม้มีประโยชน์มากในการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย แต่ก็มีจุดอ่อนเช่นเดียวกับบ้านปูน ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมและการดูแลรักษา จึงต้องมีความรู้ความเข้าใจ ตั้งแต่การเลือกวัสดุปูพื้นไม้ ไปจนถึงการดูแลรักษาพื้นไม้ให้เหมาะสม เพื่อให้พื้นไม้ของเรายังคงดูสวยงามและใหม่อยู่เสมอ อย่างไรก็ตามเทคนิคที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น เราสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญด้านสร้างบ้านไม้ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุก่อสร้าง ด้วยเทคโนโลยีและวัสดุใหม่ ๆ ที่พร้อมให้บริการ

เขียนโดย Con Mueangsak

โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save