หน้าฝน ดูแลบ้านยังไม่ให้พัง กับ 7 เคล็ดลับดุแลบ้านช่วงหน้าฝน
หน้าฝน อย่างที่ทราบกันว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่พายุพัดโหมกระหน่ำเข้าประเทศไทย จนทำให้มีฝนตกหนักเกือบทุกวันจนหลายคนหัวเสียว่าตากผ้าอย่างไรก็ไม่แห้งเสียที และไม่ใช่แค่เพียงเรื่องผ้าเท่านั้นยังรวมถึงไปถึงผลกระทบที่เกิดจากบ้าน อาทิเช่น เรื่องรอยรั่วซึม เฟอร์นิเจอร์ชำรุด และคราบตะไคร่จับจนขัดไม่ออกนำมาสู่ความไม่ปลอดภัยของสมาชิกในบ้าน เป็นต้น ซึ่งหากเราปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ “บ้านพัง” อย่างแน่นอนค่ะ
คุณอาจสนใจบทความที่เกี่ยวข้อง คลิกได้เลย ปลวกขึ้นบ้าน แก้ปัญหาอย่างไร
เพราะกว่าที่เราจะเก็บเงินก้อนเพื่อมาดาวน์บ้านสักหลัง และต้องทนสู้ผ่อนมาอีกไม่ต่ำกว่า 10 ปี เราย่อมต้องการให้บ้านใหม่และดูดีอยู่เสมอ เพื่อเวลาที่เพื่อนมาเที่ยวบ้านจะได้อวดบ้านได้อย่างภาคภูมิใจ แต่เมื่อเข้าหน้าฝนการที่จะดูแลปัดกวาดเช็ดถูเท่านั้น คงไม่เพียงพอ ดังนั้นวันนี้เราจึงมี 7 เคล็ดลับการดูแลบ้านไม่ให้โทรมไปก่อนวันอันควรมาฝากกัน
1.สังเกตจุดเสี่ยงที่จะเกิดรอยร้าว
เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านหลายหลังมักจะมองข้ามพวกรอยแตกร้าวที่อยู่รอบๆบ้าน เพราะคิดว่าเพียงแค่ทาสีทับก็น่าจะทำให้รอยพวกนี้หายไป แต่ความเป็นจริงแล้วการเข้าหน้าฝนในช่วงเวลาแบบนี้ การตรวจดูรอยรั่วซึม แตกร้าวภายในบ้านเป็นสิ่งที่คนมีบ้านทุกคนจะต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณหลังคา ฝ้า ผนัง และรอยต่อของวัสดุต่างๆ หากพบปัญหาเหล่านี้ ก็ควรต้องรีบจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญโดยเร่งด่วน เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นปัญหาที่ใหญ่มโหฬารตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คุณอาจสนใจบทความที่เกี่ยวข้อง คลิกได้เลย ซ่อมบ้าน ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
2.หมั่นขยันทำความสะอาดพื้น
ในช่วงหน้าฝนเช่นนี้ควรสำรวจประตูหน้าต่างว่าปิดสนิทเรียบร้อยทุกบานก่อนออกจากบ้านแล้วหรือยัง เพื่อที่จะได้ป้องกันไม่ให้น้ำฝนสาดเข้ามาในบ้าน แต่กรณีที่ปิดไม่ทันจนน้ำสาดเข้ามาในบ้านแล้วก็ควรต้องรีบเช็ดน้ำที่เจิ่งนองให้แห้งในทันที รวมไปถึงพื้นที่ด้านนอกบ้านด้วย ยิ่งต้องหมั่นขยันขัด เนื่องจากเศษคราบดินทั้งหลายอาจจะส่งผลต่อพื้นที่บ้านด้านนอกไม่สวยงาม หากยิ่งปล่อยไว้ให้น้ำท่วมขังเป็นเวลานานจนเกิดตะไคร่จับอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุทำให้ลื่นล้มได้ง่าย และอีกอย่างยิ่งปล่อยคราบเหล่านั้นไว้นานๆก็จะยิ่งติดแน่น ขัดออกยากมากขึ้น
3.ตัดกิ่งไม้ใหญ่หรือริดใบไม้ที่แห้ง
กรณีที่บ้านใครมีปลูกต้นไม้ต้นใหญ่ๆไว้รอบบ้าน อย่าลืมหาโอกาสตัดกิ่งไม้ออกเสียบ้างเพราะเมื่อเข้าสู่หน้าฝนแล้วลมจะพัดเอาเศษใบไม้ให้ร่วงเกลื่อนกลาดไปทั่วบริเวณบ้าน และที่สำคัญอาจจะมีกิ่งไม้หักโค่นลงมาทำอันตรายต่อคนในบ้านได้อีกด้วย
4.เคลียร์รางน้ำฝนให้สะอาด
อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่าในช่วงฤดูฝนลมพายุมักจะหอบเอาใบไม้ กิ่งไม้ มากองรวมกัน ส่งผลให้ไปอุดตันขวางทางระบายน้ำของรางน้ำฝน ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาทำให้น้ำไหลย้อนเข้าสู่ตัวบ้าน วิธีป้องกันง่ายๆก็คือต้องพยายามกวาดพวกสิ่งกีดขวางทุกอย่างในรางน้ำฝนออกมาอย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง
5.ล้างท่อระบายน้ำบ่อยๆ
นอกจากจะเคลียร์รางน้ำฝนแล้ว ท่อระบายน้ำเองก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะทั้งใบไม้ กิ่งไม้ เศษขยะ และสิ่งแปลกปลอมต่างๆมากมายที่จะเป็นปัจจัยทำให้ท่อตันได้ง่ายๆ จึงควรหมั่นทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมออยู่เป็นประจำ
6.ย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งอยู่นอกบ้าน
ถึงแม้ว่าเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นส่วนเอาท์ดอร์มักจะถูกออกแบบให้ทนน้ำ ทนแดด มากแค่ไหน แต่ถ้าต้องตากแดด ตากฝน ทุกวัน เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้ย่อมไม่สามารถต้านทานพร้อมเสื่อมสภาพได้อย่างแน่นอน สำหรับวิธีการป้องกันง่ายๆก็คือ ควรย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้ามาหลบอยู่มุมที่มีร่มหรือที่มุมโดนฝนสาดน้อยที่สุด แต่ถ้าหากว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆก็ควรหาผ้าใบมาคลุมไว้ชั่วคราวก่อนก็ได้
7.ทาสีบ้านให้ใหม่
ถ้าคุณมั่นใจว่าตอนสร้างบ้านมีการเลือกใช้สีทาบ้านที่อยู่ในคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว ก็มองข้ามในข้อนี้ไปได้เลย แต่ถ้าบ้านไหนสีทาบ้านไม่มีคุณภาพก็จะเริ่มหลุดร่อนหรือสีซีด ฉะนั้นการทาสีบ้านใหม่อย่างสม่ำเสมอด้วยสีรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันผนังบ้านไม่ให้เก่าเร็ว หรือบ้านอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างเก่าแล้วยิ่งสมควรทาสีใหม่เพื่อป้องกันเชื้อราที่มีต้นเหตุมาจากความชื้น โดยเฉพาะส่วนที่ทำจากไม้ยิ่งเป็นส่วนที่ต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษอีกด้วย
ดังนั้นสามารถสรุปได้ว่าบ้านจะโทรมหรือพังเร็วขึ้นอยู่กับตัวเจ้าของบ้านเองว่าจะดูแลรักษาบ้านอย่างไร ลองสังเกตง่ายๆว่าบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เริ่มต้นก่อสร้างและเสร็จพร้อมๆกัน แต่พอระยะเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งจะเห็นความแตกต่างของบ้านทั้ง 2 หลังได้อย่างชัดเจน บ้านหลังหนึ่งอาจจะดูใหม่อยู่เสมอย่อมแสดงถึงการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีของเจ้าของบ้าน แต่บ้านอีกหลังสภาพค่อนข้างเสื่อมโทรม สีหลุดร่อน ก็แสดงออกถึงความไม่เอาใจใส่เท่าที่ควรจึงตีความหมายได้ว่าบ้านจะใหม่หรือเก่าก็ขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่เจ้าของบ้านเพียงอย่างเดียวค่ะ