น้ำท่วมบ้าน ซ่อมยังไงดี กับ 8 เทคนิคการดูแลบ้านหลังน้ำท่วม
น้ำท่วมบ้าน มักจะมาพร้อมกับฤดูฝน ตกทีไรโดยเฉพาะช่วงปีไหนที่มีพายุลูกใหญ่ๆเข้าในหลายพื้นที่มักต้องพบกับอุทกภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตั้งรับไม่ทันทำได้ดีที่สุดก็คือต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไป บางบ้านอาจจะเจอแค่น้ำท่วมเล็กน้อย แต่บางบ้านก็โชคร้ายน้ำท่วมเข้าถึงในตัวบ้านทำลายข้าวของเสียหายจนเกือบหมด ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่น้ำลดลงไปแล้วต่างหากเป็นเรื่องที่ควรกังวล ดังนั้นเราจึงควรรู้เทคนิคการดูแลบ้านหลังน้ำท่วมไว้บ้าง เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมาจริงๆเราจะได้แก้ไขได้ถูกคะ
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านต่อเลย พื้นบ้าน ดูแลอย่างไรให้ดูสวย
1.ตรวจเช็คระบบไฟฟ้าที่อยู่ภายในบ้าน
อันดับแรกที่ต้องให้ความสำคัญก่อนอย่างอื่น และเป็นส่วนที่สำคัญถึงแก่ชีวิตเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือการตรวจเช็คระบบไฟฟ้าที่อยู่ภายในบ้าน ดังนั้นก่อนที่จะเข้าไปทำอะไรในบ้านควรที่จะปิดคัทเอาท์ลงเสียก่อน เพราะต้องตัดระบบไฟฟ้าทั้งบ้านเพื่อที่จะไม่ต้องเสี่ยงต่อการถูกไฟดูด เพราะมีความเป็นไปได้ว่าการที่ปลั๊กไฟถูกแช่น้ำเป็นเวลานานๆ อาจจะเกิดไฟรั่วขึ้นได้ และหากไม่มีความชำนาญเพียงพอแนะนำว่าการเรียกช่างไฟมาตรวจเช็คให้ดีที่สุดเพราะช่างจะมีประสบการณ์และรู้วิธีที่จะป้องกันได้เป็นอย่างดี
2.อุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควรตั้งทิ้งไว้
อุปกรณ์จำพวกไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควรตั้งทิ้งไว้จนกว่าจะแห้งสนิท พึ่งลมไว้สักพักก่อนที่จะทดสอบเพราะบางครั้งมันอาจจะยังไม่ถึงขั้นเสียก็ได้ ถึงแม้อุปกรณ์เหล่านี้จะโดนน้ำ แต่ในช่วงขณะโดนน้ำไม่มีกระแสไฟเข้าไปภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไฟก็ยังไม่เกิดการลัดวงจรก็สามารถนำกลับมาใช้งานได้อีกครั้งแต่ถ้าไม่มั่นใจก็อย่าเพิ่งนำมาใช้จะดีกว่า
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านต่อเลย หน้าฝน ดูแลบ้านยังไม่ให้พัง
3.นำเฟอร์นิเจอร์ที่แช่น้ำนำมาเช็ดทำความสะอาดแล้วนำไปตากแดด
ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่แช่น้ำนำมาเช็ดทำความสะอาดแล้วนำไปตากแดด พึ่งลมไว้ เพื่อไล่พวกความชื้นออกไปให้ได้มากที่สุด และแน่นอนอยู่แล้วว่าเฟอร์นิเจอร์บางอย่างเมื่อเจอกับความชื้นเป็นระยะเวลานานๆ อาจขึ้นเชื้อราตามมาทีหลังก็ต้องคอยดูแลทำความสะอาดกำจัดเชื้อราพวกนี้ อย่างที่ทราบว่าเชื้อราจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจได้ แต่กรณีที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ประเภทที่เป็นฟองน้ำ นุ่น หรือใยมะพร้าว ถ้ามีโอกาสแนะนำว่าเปลี่ยนใหม่ดีกว่า เพราะเฟอร์นิเจอร์พวกนี้มักจะเป็นตัวเพาะเชื้อโรคได้อีกด้วย
4.จัดการกับประตูไม้บวมน้ำ
ปัญหาที่พบเจอหลังน้ำท่วมบ่อยๆอีกอย่างคือ บานประตูเอียง สาเหตุจากการโดนแช่น้ำมาเป็นเวลานานเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าน้ำหนักของประตูมันย่อมจะเกิดความไม่สมดุลกัน เนื่องจากน้ำจะท่วมขังที่เฉพาะเพียงระดับช่วงล่างของประตูเท่านั้น ส่งผลให้ช่วงล่างจะบวมน้ำมากกว่าส่วนอื่น ยกเว้นกรณีที่บางบ้านจมมิดทั้งหลัง ซึ่งถ้าหากประตูบ้านเพียงแค่เอียงไม่ได้บวมน้ำจนใช้การไม่ได้ แนะนำว่าให้หาอุปกรณ์มาช่วยค้ำยันรับแรงน้ำหนักไว้ รอจนกว่าความชื้นจะระเหยออกจนหมด ก็สามารถนำกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
5.เปลี่ยนฝ้าเพดาน
ฝ้าเพดาน บางบ้านอาจจะตกแต่งบ้านให้สวยงามด้วยการใช้ฝ้าเพดานที่เป็นแผ่นปูนพลาสเตอร์เพื่อจะได้ปกปิดเพดานปูนที่ดูแล้วไม่สวย แต่หากว่าโดนน้ำแล้ว รับรองว่าเละ! อย่างแน่นอน เพราะมันจะเกิดการพุพอง บวม ในที่สุดก็จะร่วงหลงลงมาอย่างแน่นอน สาเหตุมาจากการที่แผ่นปูนพลาสเตอร์มีการอมน้ำไว้เป็นเวลานาน ก็ควรที่จะรื้อออกแล้วเปลี่ยนใหม่ให้หมด ดีกว่าปล่อยให้มันร่วงตกลงมาทำอันตรายกับคนในบ้าน และอาจจะเป็นแหล่งซ่องสุมเชื้อโรคด้วยเช่นกัน
6.ตรวจเช็คระบบทางเดินท่อ
ระบบทางเดินท่อ ก่อนที่จะเข้าอยู่อาศัยต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบเสียก่อนอาจมีรอยแตกและรอยรั่วซึม แต่ถ้าหากว่าเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วไม่พบจุดรอยรั่วอย่างชัดเจน ในเดือนแรกให้สังเกตจากค่าน้ำสิ้นเดือนก็ได้ ย่อมเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงว่าค่าน้ำมีปริมาณการใช้ที่เพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า แต่อย่าลืมว่าต้องบวกค่าน้ำเผื่อไว้ด้วยในเดือนที่เกิดน้ำท่วม เพราะต้องใช้น้ำในปริมาณมากในการทำความสะอาด รวมทั้งแรงดันน้ำที่มาจากท่อจะส่งผลทำให้ชักโครกดันน้ำดีขึ้นมาเป็นเหตุของค่าน้ำที่เพิ่มขึ้นด้วย
7.เช็ดทำความสะอาดชิ้นส่วนต่างๆที่มีเหล็ก
รูกุญแจ บานพับ และชิ้นส่วนต่างๆที่มีเหล็กเป็นองค์ประกอบด้วยการเช็ดทำความสะอาด แล้วเช็ดให้แห้งสนิทอีกทีหนึ่ง เมื่อเช็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นควรทาน้ำยาหล่อลื่น หรือทาสีใหม่เพื่อป้องกันการเกิดสนิมที่เกิดจากความชื้นเกาะอีกครั้ง แต่ถ้าพบว่าสนิมยังคงเกาะอยู่ก็ควรเปลี่ยนบานพับ หรือรูกุญแจใหม่เสียดีกว่า
8.จัดการกับสิ่งของภายในบ้าน
นอกจากเรื่องบ้านที่เราต้องดูแลหลังจากที่น้ำท่วมแล้ว ส่วนอื่นๆที่สำคัญก็ต้องดูแลด้วยเช่น เอกสารสำคัญต่างๆหากว่าแช่น้ำเป็นเวลานานแน่นอนอยู่แล้วว่าจะเกิดการเปียกพองมาก แนะนำว่าควรปล่อยทิ้งไว้เฉยๆก่อน อย่าเพิ่งไปแตะต้องเพราะอาจทำให้เปื่อยยุ่ยได้ เมื่อเริ่มแห้งแล้วจึงค่อยแยกเอกสารออกจากกัน แต่ถ้าเอกสารเกาะติดกันแน่น ให้นำไปแช่น้ำหมาดๆอีกครั้งเพื่อให้มันคลายออกจากกันเสียก่อน แล้วค่อยๆดึงออกมาอย่างระมัดระวัง
เชื่อว่าหากใครกำลังประสบกับอุทกภัยเช่นนี้อาจจะทำใจลำบากและต้องปวดหัวกับการที่ต้องมานั่งแก้ไขปัญหา แต่ถ้าคุณมีการวางแผนที่ดี และพยายามแก้ไขบำรุงรักษาไปทีละส่วน มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้บ้านที่สุดสวยกลับมาอย่างแน่นอนคะ