บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ June 26, 2023
Renovate บ้านเก่า หรือ การวางแผนรีโนเวทบ้านนั้นไม่ใช่แค่เลือกแบบบ้านที่ต้องการจะทำใหม่ หรือเรื่องของการกำหนดรายละเอียดรื้อถอน/ก่อสร้างเพียงเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาถึงขอบเขตการเลือกใช้บริการที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ด้วย เช่น ช่าง ผู้รับเหมา นักออกแบบ วิศวกร เป็นต้น สำหรับขั้นตอนตกแต่งต่อเติมบ้านหลังใหม่หรือการปรับปรุงบ้านใหม่ที่เจ้าของส่วนใหญ่ต้องเจอ จะมีทั้งเรื่องการกำหนดรูปแบบ การหาซื้อวัสดุก่อสร้าง การรื้อถอนวัสดุเดิมแล้วดำเนินการก่อสร้างใหม่ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ต้องอาศัยพึ่งบริการจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ซึ่งเนื้องานในการปรับปรุงบ้านใหม่นี้จะเป็นตัวที่กำหนดวิธีปรับปรุงรวมทั้งการเลือกใช้บริการที่เหมาะสม อาทิเช่น การเลือกจ้างช่างเฉพาะส่วน, การจ้างผู้รับเหมาในงานเฉพาะส่วนที่ซับซ้อน, การปรึกษาสถาปนิกและว่าจ้างผู้รับเหมา, การใช้บริการแบบครบวงจรจากผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่าย จึงกล่าวได้ว่าแต่ละวิธีจะมีขอบเขตการทำงาน และส่วนของงบประมาณที่ต้องจัดสรรดังนี้
1. Renovate บ้านเก่า ต้องกำหนดวัตถุประสงค์ที่ต้องการปรับปรุงบ้าน
- ต้องการปรับปรุงบ้านทั้งหลัง เพราะเกิดจากความเก่าทรุดโทรม หรือเกิดความเสียหายในหลายส่วนของบ้าน
- จัดสรรพื้นที่ใช้สอยของบ้านใหม่ด้วยการเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น เช่นกั้นห้องอ่านหนังสือในพื้นที่ห้องนั่งเล่น
- ซ่อมแซมเฉพาะบางส่วนที่เสียหาย โดยอาจใช้เป็นโอกาสในการปรับปรุงสภาพให้ดีกว่าเดิม เช่น ห้องน้ำรั่วจากปัญหาของระบบท่อจึงทำการปรับโฉมห้องน้ำเสียใหม่ทั้งห้อง หรือเพดานเกิดน้ำท่วมขังก็ปรับมาเป็นสวนพักผ่อนบนดาดฟ้า
- ปรับปรุงให้บ้านใช้งานได้ทันสมัยมากขึ้น ถึงแม้ว่าบ้านจะยังไม่มีความเสียหายอะไร แต่ปรับเพื่อแก้ปัญหาในการใช้งาน เช่น การเพิ่มแผงกันแดดที่บริเวณหน้าต่างในห้องที่ถูกแดดส่องตลอดทั้งวัน หรือติดตั้งพวกฉนวกเก็บเสียงพร้อมกับเปลี่ยนหน้าต่างชุดใหม่ในห้องที่มักถูกรบกวนจากภายนอก
- ปรับโฉมบ้านให้ได้ตามสไตล์ที่ชอบ เช่น การตกแต่งห้องใหม่ตามแนวลอฟท์ ด้วยการฉาบปูนเปลือยแบบดิบ ๆ หรือการรื้อฝ้าเพื่อโชว์ท่องานระบบแบบเท่ห์ ๆ
2. เมื่อกำหนดวัตถุประสงค์ในการ Renovate บ้านเก่า เรียบร้อยแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการพิจารณาว่าควรว่าจ้างใครบ้างในการมาช่วยปรับปรุงบ้านในครั้งนี้
-
ว่าจ้างช่างเฉพาะส่วน (งบประมาณจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ค่าวัสดุก่อสร้าง, ค่าแรง)
กรณีที่เป็นการ renovateบ้านเก่า เพื่อการซ่อมแซมที่ไม่มีความสลับซับซ้อนเท่าไหร่นัก หรือไม่ส่งผลกระทบกับงานในส่วนอื่น ๆ มาก เช่น ว่าจ้าง”ช่างปูน” มาซ่อมเฉพาะรอยร้าวที่เกิดจากผนัง, ว่าจ้าง “ ช่างทาสี” สำหรับการลอกสีเดิมออกแล้วบรรเลงสีใหม่ลงไป, ว่าจ้าง “ช่างไม้” มาทำเรื่องการขัดพื้นไม้ปาร์เกต์พร้อมทำสีใหม่, ว่าจ้าง “ ช่างไฟฟ้า” เพื่อให้มาแยกเซอร์กิตไฟในบางพื้นที่ (ส่วนนี้อาจจะต้องจ้างช่างฝ้ามาเก็บงานเพิ่มเติม) อย่างไรก็ดีเจ้าของบ้านอาจเลือกใช้การจ้างช่างเฉพาะสำหรับงานปรับปรุงในพื้นที่ส่วนนั้น ๆ ก็ได้ อย่างเช่น งานที่ต้องรื้อกระเบื้องแล้วปูพื้นกระเบื้องเป็นไม้ ซึ่งต้องจ้าง “ช่างปูน” และ “ช่างไม้”ทั้งสองประเภทพร้อมกัน เป็นต้น
-
ว่าจ้างผู้รับเหมา (งบประมาณจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ค่าวัสดุก่อสร้าง, ค่าบริหารจัดการ)
เหมาะกับงานที่ต้องปรับปรุงหลายส่วน หรือเป็นงานก่อสร้างที่ค่อนข้างซับซ้อนซึ่งจะส่งผลกระทบต่องานในส่วนอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น งานต่อเติมลานซักล้างให้เป็นห้องครัว จะประกอบไปด้วยงานหล่อเคาน์เตอร์ครัวพร้อมติดตั้งวัสดุตกแต่งผิว และตู้ Built-in นอกจากนั้นยังมีงานเดินท่อน้ำดี, ท่อน้ำทิ้ง, ระบบบำบัดน้ำเสียและงานไฟฟ้าส่องสว่างให้กับห้อง เป็นต้น ฉะนั้นการจ้าง “ผู้รับเหมา” ก็เพื่อมาทำหน้าที่บริหารจัดการงานต่าง ๆ เช่น เลือกใช้ช่างให้ตรงกับงาน จัดซื้อวัสดุก่อสร้าง รวมถึงควบคุมงานก่อสร้างจนดำเนินการแล้วเสร็จตามที่เจ้าของบ้านต้องการ แต่ก็อย่าลืมวางแผนการจ้างให้ดีไม่อย่างนั้นอาจต้องพบเจอกับปัญหาในการรีโนเวทบ้านตามมาได้
-
ขอคำปรึกษา “สถาปนิกและว่าจ้างผู้รับเหมา” (งบประมาณจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนคือ ค่าออกแบบ, ค่าแรง, ค่าวัสดุก่อสร้าง, ค่าบริหารจัดการ)
สำหรับบ้านที่ต้องการปรับปรุงบ้านบางส่วนหรือทั้งหลัง แต่เน้นที่ความสวยงามตามรูปแบบที่ชอบนอกเหนือจากประโยชน์ใช้สอยให้ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่องานโครงสร้างและงานระบบต่าง ๆ โดยที่ “สถาปนิก” จะมีหน้าที่ทั้งเป็นผู้ออกแบบ, จัดทำแบบก่อสร้าง รวมทั้งต้องเป็นผู้ประสานงานกับวิศวกรและผู้ออกแบบสาขาที่เกี่ยวข้อง อาทิ นักออกแบบตกแต่งภายใน หรือเรียกว่ามัณฑนากร, นักออกแบบตกแต่งสวน หรือภูมิสถาปนิก, นักออกแบบแสงสว่าง วิศวกรโครงสร้าง วิศวกรระบบสุขาภิบาล เป็นต้น
-
จ้าง “บริการครบวงจร”
จากผู้ผลิตสินค้าหรือตัวแทนจำหน่าย (งบประมาณประกอบด้วยค่าวัสดุก่อสร้างพร้อมค่าบริการ (ไม่สามารถแยกซื้อวัสดุได้) ,ค่าใช้จ่ายเหมารวมวัสดุ, ค่าบริการประกอบด้วย ออกแบบ/ตรวจสอบหน้างาน/ค่าแรง หรือค่าดำเนินการ)
Renovate บ้านเก่า : ความเข้าใจและการจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
การรีโนเวทบ้านเก่าเป็นกระบวนการที่เรียกได้ว่าท้าทายสำหรับคนที่คิดจะทำบ้านใหม่เป็นอย่างมาก แต่ก็เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมในการอัพเกรดและปรับปรุงบ้านให้เหมาะสมกับความต้องการและรสนิยมของเจ้าของบ้านใหม่ เพราะการรีโนเวทบ้านเก่าคุณสามารถให้บ้านเก่ามีความสดใสและสร้างพื้นที่ที่สวยงามและน่าอยู่ใหม่ได้ ในหัวข้อต่อไปจึงจะเป็นการสำรวจขั้นตอนและความเข้าใจเบื้องต้นในการรีโนเวทบ้านเก่า รวมถึงผู้ที่คุณอาจจะต้องจ้างช่างเพื่อให้กระบวนการเป็นไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ยังจะพูดถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรีโนเวท เพื่อให้คุณพร้อมรับมือและมีวิธีการแก้ไขเมื่อเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการรีโนเวทบ้าน
การปรับปรุงหรือรีโนเวทบ้านเก่าต้องมีการกำหนดขั้นตอนการปรับปรุงอย่างละเอียด แบ่งออกเป็นการรื้อถอนและการปรับปรุง ซึ่งต้องจัดการอย่างระมัดระวังเป็นอย่างมากในส่วนของการรื้อถอนและก่อสร้างใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของผนังระบบ Precast ที่ไม่สามารถรื้อถอนหรือเจาะช่องได้ และจำเป็นต้องขออนุญาตตามกฎหมายก่อนเริ่มการปรับปรุง ในอันดับแรกขั้นตอนรีโนเวทบ้านทั้งหลัง คือการรื้อถอนวัสดุเดิมและทำการขนย้ายมันออกไป เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้ คุณสามารถเริ่มการปรับปรุงทั้งหลังบ้าน ซึ่งอาจรวมถึงการติดตั้งเพดานใหม่ การติดตั้งฉนวนกันความร้อนเหนือฝ้าเพดาน และการปรับปรุงระบบไฟฟ้าและประปาเพราะเป็นโอกาสที่ดีในการทำงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อที่จะลดความซับซ้อนในอนาคต
หลังจากติดตั้งผนังและระบบเสร็จสิ้น ขั้นตอนถัดไปคือการฉาบผนังและติดตั้งฝ้าเพดาน โดยการฉาบผนังอาจรวมถึงการทำให้ผิวผนังเรียบเนียนและปิดรอยต่อ จากนั้นต้องตกแต่งผิวพื้นและผนัง ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ รวมถึงการทำความสะอาดบ้านก่อนนำเฟอร์นิเจอร์เข้าไปตกแต่ง แม้ว่าการรีโนเวทบ้านเก่าทั้งหลังจะมีขั้นตอนที่น้อยกว่าการสร้างบ้านใหม่ แต่มันก็มีข้อจำกัดในบางส่วน โดยเฉพาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัดหรือที่เป็นอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เช่น ทาวน์โฮม หรือตึกแถว ในกรณีเหล่านี้ ผู้รับเหมาต้องรับผิดชอบในการปรับปรุงและรื้อถอนบางส่วนของบ้านไปพร้อมกัน โดยเริ่มจากด้านในแล้วจึงทยอยไปทางด้านนอก เจ้าของบ้านต้องเตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นและยอมรับว่าบางส่วนของการปรับปรุงอาจไม่ตรงตามแบบที่กำหนดไว้
การเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับการทำบ้านใหม่อาจมีความท้าทายและปัญหาต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น การทำความเข้าใจและการวางแผนล่วงหน้าในการรับมือกับปัญหาทั่วไป เช่น ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงาน และปัญหาอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรีโนเวทบ้าน อาจจะมีความล่าช้ามากกว่าที่วางแผนไว้ เนื่องจากมีขั้นตอนหลาย ๆ ที่ต้องใช้เวลา และปัญหาในการรีโนเวทบ้านที่เกิดขึ้นต้องได้รับการแก้ไข สามารถส่งผลให้การก่อสร้างล่าช้าไปประมาณ 10-20% จากเวลาที่คาดหวังไว้ได้
การปรับปรุงบ้านมักมีการซ่อมแซมที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และต้องเตรียมตัวในการรับมือกับอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น หรือเตรียมงบประมาณเผื่อไว้ประมาณ 10,600 – 15,000 บาทต่อตารางเมตร แบ่งเป็น งานโครงสร้าง 30-35% งานระบบ ประปา ไฟฟ้า และระบายน้ำ 10-15% และงานด้านสถาปัตย์ตกแต่งและวัสดุปิดผิว 50-60% ทั้งนี้ การรีโนเวทบ้านอาจต้องมีการแทนที่วัสดุที่เสียหาย ถ้าไม่สามารถหาวัสดุดังกล่าวได้ คุณก็ต้องหาวัสดุที่คล้ายคลึงและเหมาะสม โดยคุณจะต้องพิจารณาเรื่องการออกแบบและการใช้งานเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจ ถึงแม้ว่าการทำบ้านใหม่อาจดูยุ่งยากแต่การเตรียมความพร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคตจะทำให้คุณสามารถผ่านไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน
ปัจจุบันในงานปรับปรุงบ้านเริ่มมีผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่ายสินค้าพร้อมให้บริการติดตั้งเบ็ดเสร็จ ซึ่งจะมีข้อดีทั้งเรื่องความชำนาญและมาตรฐานการติดตั้ง นอกจากนั้นยังมีรับประกันผลงานหลังงานขายแบบครบวงจร เช่น งานปรับปรุงหลังคา งานปรับปรุงห้องน้ำ งานปูพื้นไม้ลามิเนต งานติดตั้งพื้นระเบียงไม้เทียม งานเปลี่ยนฝ้า-เพดาน ฯลฯ โดทางบริษัทจะส่งทีมงานเข้าสำรวจหน้างาน ทีมงานติดตั้ง และทีมงานตรวจสอบคุณภาพงาน รวมทั้งหน่วยงานพร้อมให้ข้อมูล รับเรื่องปัญหาต่าง ๆ ประสานงานกับทีมอื่น ๆ หากเจ้าของบ้านเลือกใช้จ้างบริการครบวงจรก็สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริการอย่างเป็นระบบแน่นอน ถือได้ว่าเป็นการอำนวยความสะดวกได้ดีทีเดียว ฉะนั้นการจะเลือกว่าจ้างใครดีจึงต้องดูวัตถุประสงค์หรือความต้องการที่จะ renovate บ้านเก่า เป็นส่วนสำคัญ โดยส่วนใหญ่เจ้าของมักเลือกการว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านพร้อมกับซื้อวัสดุก่อสร้างด้วยตนเองเพื่อหวังจะควบคุมงบประมาณ อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะเลือกใช้ประเภทไหน สิ่งสำคัญอย่าลืมการทำสัญญาระหว่างกันทุกครั้ง
โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon