ไอเดียแต่งบ้าน ให้ดูดีมีระดับกับ 9 วิธีตกแต่งบ้านในแบบฉบับคลาสสิก
ไอเดียแต่งบ้าน ในยุคปัจจุบันนี้มีรูปแบบการตกแต่งที่หลากหลายแต่รูปแบบที่นิยมมาอย่างยาวนานและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมาจวบจนทุกวันนี้ก็คือ “สไตล์คลาสสิก” ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเรือน, สิ่งของประดับ และผ้าม่าน ที่จะช่วยเนรมิตให้ห้องดูหรูหรา งดงาม อ่อนช้อย แต่ยังคงแฝงไปด้วยความหนักแน่นจากการใช้วัสดุไม้แท้ ซึ่งการตกแต่งบ้านให้ออกมาในสไตล์คลาสสิกเริ่มมีสืบทอดมาตั้งแต่ยุคสมัยวิคตอเรียจนกระทั่งถึงอาร์ต เดคโค ก่อนที่ยุคพลาสติกจะเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น แม้ว่าปัจจุบันนักออกแบบอาจจะตัด ลด ทอนรายละเอียดของเครื่องเรือนหรือเครื่องประดับให้มีความร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับของบ้านให้เหมาะสมกับรสนิยมของเจ้าของบ้าน
จุดเด่นของบ้านที่ตกแต่งแบบคลาสสิกจะให้ความรู้สึกสุขสงบกับผู้ที่อยู่อาศัย เพราะการจัดวางหรือจับคู่เฟอร์นิเจอร์มักจะไม่เน้นความหวือหวาหรือซับซ้อนเกินไป ทุกสิ่งในห้องจะจัดไปแนวทิศทางเดียวกัน บ่งบอกถึงความภูมิฐานเหมาะกับวัยและฐานะให้มีความน่าเชื่อถือสะท้อนความเป็นตัวตนได้ดี ซึ่งการจะตกแต่งให้รูปบ้านออกมาแบบคลาสสิกเหนือกาลเวลา ผ่านไปหลายสิบปีก็คงยังดูดีมีรสนิยมอยู่ตลอด ฉะนั้นเราจึงมี 9 เทคนิคในการตกแต่งบ้านให้ดูดี มีระดับ ในแบบฉบับคลาสสิกมาฝากกันค่ะ
คุณอาจสนใจบทความนี้ คลิก ข้อควรรู้ก่อนแต่งบ้าน
1.เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตมาจากวัสดุธรรมชาติ
บ้านที่ต้องการความมีสไตล์ของตนเองมักเลือกใช้วัสดุตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตมาจากวัสดุธรรมชาติ อาทิเช่น ไม้ หิน อิฐ เส้นใยธรรมชาติ หากต้องการเพิ่มให้มีความทันยุค ทันสมัยมากขึ้นก็อาจนำวัสดุประเภทโลหะเข้ามาตกแต่งเสริมในบางส่วน เช่น มือจับลิ้นชัก ส่วนพื้นผิวของวัสดุควรเลือกที่มีความเป็นกลาง ไม่มันวาวเงา รวมทั้งไม่ขรุขระจนเกินไป ลักษณะของเฟอร์นิเจอร์จะเป็นเส้นตรง อาจมีเส้นโค้งบ้างเล็กน้อย หรือเพิ่มลวดลายบนไม้ ส่วนผ้าและเบาะหากเป็นการใช้รูปแบบที่มีการบุบนตัวเบาะจะทำให้มีความคลาสสิกมากขึ้น
2.เน้นเลือกโทนสีธรรมชาติ
ความคลาสสิกจะมาพร้อมกับโทนสีหลักที่เป็นกลาง สบายตา เป็นสีจากธรรมชาติ เช่น สีเนื้อ เทา ขาว น้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม ดำ และอาจใส่สีสันความสดใสด้วยสีสันที่ยังคงสีธรรมชาติ เช่น เขียวอ่อน เขียวแก่ ฟ้า กรมท่า ทอง เหลือง หรือจะเลือกเป็นลวดลายคลาสสิกอย่างลายดอกไม้ หรือลายขวางมาสร้างความน่าสนใจให้กับห้อง โดยอาจจะใส่ลูกเล่นเหล่านี้ไปกับผ้าม่าน วอลเปเปอร์ด้วยก็ได้
คุณอาจสนใจบทความนี้ คลิก แต่งบ้าน สุดเจ๋ง 3 วิธีช่วยให้บ้านคุณเย็นขึ้น
3.จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นคู่ พร้อมมีจุดศูนย์กลาง
การจัดห้องแบบคลาสสิกมักจะให้ความสำคัญกับลักษณะสมมาตรคือการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ถูกจัดวางเป็นคู่ เช่น ในห้องอาหาร เก้าอี้ทานอาหารมีจำนวนเป็นเลขคู่ หรือติดตั้งโคมไฟแบบเป็นคู่ โดยจัดศูนย์กลางของห้องด้วยเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญ เช่น เปียโนกลางห้องโถง, โต๊ะกลมตรงกลางโถงพร้อมประดับด้วยแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ เป็นต้น
4.ผ้าม่านผืนยาวเพดานจรดพื้น
หัวใจสำคัญของเครื่องประดับบ้านสไตล์คลาสสิกที่สำคัญคือผ้าม่านควรที่จะมีความยาวตั้งแต่เพดานจรดพื้น ส่วนผ้าม่านผืนหลักควรจะใช้เป็นผ้าแบบหนามีน้ำหนัก เลือกแบบพิมพ์ลายดอกไม้ ลายพิมพ์คลาสสิกอื่นๆ แต่หากชอบสไตล์ที่เรียบง่ายมากขึ้น อาจเลือกเป็นผ้าม่านแบบไม่พิมพ์ลายแล้วเปลี่ยนมาใช้ลูกล่นที่มีฟูประดับตกแต่งด้วยลายดอกไม้
5.แขวนกระจกที่มีกรอบ
การแขวนกระจกที่มีกรอบถือว่าช่วยเสริมความหรูหราและความน่าสนใจในห้อง เปรียบเสมือนเครื่องประดับอย่างหนึ่งของห้องเช่นกัน เพราะกระจกจะช่วยสะท้อนมุมมองการตกแต่งอีกฝั่งหนึ่งของห้องทำให้เกิดมุมมองใหม่ๆของผนังฝั่งที่แขวนกระจกเงาและยังช่วยให้ห้องดูกว้างขวางขึ้น
6.ใช้คิ้วบัวแบบคลาสสิกมาตกแต่ง
ถือได้ว่าเป็นตัวบ่งบอกสัญลักษณ์ถึงความคลาสสิกที่สร้างกลิ่นอายของยุคสมัยได้ดี ด้วยคิ้วบัวที่อ่อนช้อยบนผนัง เพดาน หัวเสา กรอบประตู จะช่วยยกระดับให้ห้องดูหรูหรามีระดับสไตล์ยุโรป
7.เพิ่มตู้โชว์สุดคลาสสิกให้กับห้องอาหาร
เหล่าบรรดา Collection พวกเครื่องจานชามประเภทเครื่องเคลือบกระเบื้องจีน จานขอบทอง เครื่องแก้ว เครื่องเงิน ก็สามารถนำไปเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งห้องให้ดูหรูหรามีระดับ และส่งผลให้อาหารน่ารับประทานมากขึ้น ด้วยการวางตู้กระจกไว้ในห้องรับประทานอาหารแล้วใส่เครื่องจาน collection เรียงเข้าไปในตู้
8.ห้องน้ำปูด้วยหินอ่อนและสีทอง
ห้องน้ำที่ต้องการความหรูหราในแบบฉบับคลาสสิกควรเลือกใช้วัสดุปูพื้นที่เป็นหินอ่อน รวมถึงอ่างล้างหน้า แล้วส่วนที่เป็นโลหะอย่างเช่น ก๊อกน้ำ ราวแขวนผ้าขนหนู อาจจะใช้เป็นวัสดุทองเหลืองที่จะช่วยให้ห้องน้ำดูมีระดับมากยิ่งขึ้น
9.เครื่องประดับสไตล์ย้อนยุค ย้อนสมัย
เครื่องประดับย้อนยุค อย่างเช่น ชิ้นงานที่ทำมาจากหินอ่อน เครื่องเคลือบกระเบื้องแบบจีน ภาพเขียนสีน้ำมัน แจกัน หนังสือ โคมไฟ ฯลฯ แต่หากกังวลว่าจะทำให้บ้านดูยุคเก่าเกินไป ก็สามารถนำศิลปะที่เป็นสมัยใหม่เข้ามาผสมผสาน เช่น แขวนรูปภาพแบบมินิมอลเหนือตุ๊กตาหินอ่อนแบบนีโอคลาสสิกซึ่งการตกแต่งด้วยการนำเครื่องประดับแนววินเทจมาใช้ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับการจัดวางให้ลงตัวและสมดุลกัน ต้องระมัดระวังว่าจะไม่ทำให้ดูสมัยใหม่เกินไปหรือว่าย้อนยุคจนดูล้าสมัยมากเกินไปเช่นเดียวกัน