เครื่องเป่าลม(โบลเวอร์)คืออะไร มีการใช้งานอย่างไร และ มีกี่ประเภท

บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ September 8, 2023

เครื่องเป่าลม หรืออีกชื่อที่เรียกกันทั่วไปคือ ‘โบลเวอร์’ เป็นเครื่องมือที่จําเป็นในหลายๆงาน ช่วยให้แรงเป่าที่ทรงพลังและควบคุมทิศทางได้ ไม่ว่าจะใช้ในการทําสวน ก่อสร้าง หรืองานทําความสะอาดประจําวัน ประโยชน์ของเครื่องเป่าลมนั้นมีหลากหลายแบบมาก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับเครื่องเป่าลม

---

ประเภทของ เครื่องเป่าลม

เครื่องเป่าลมมีหลายประเภท ที่มีฟังก์ชันการทํางานแตกต่างกัน:

1.เครื่องเป่าลมแรงเหวี่ยง (Centrifugal Blowers): เป็นเครื่องเป่าลมขนาดใหญ่ที่ใช้แรงเหวี่ยงแบบหลายใบพัด ใช้แรงจากศูนย์กลางที่เกิดจากการหมุนของจานพร้อมใบพัด เพื่อเพิ่มความเร็วและปริมาตรของกระแสอากาศ มักใช้ในอุตสาหกรรมสําหรับระบบปรับอากาศ ระบายอากาศ ทําความร้อน และเครื่องดูดฝุ่น

2.เครื่องเป่าลมแรงอัดแน่น (Positive Displacement Blowers): มีใบพัดเพื่อดักจับอากาศแล้วผลักออกจากเครื่องเป่าลม สามารถให้ประสิทธิภาพในการเป่าลมสูง โดยส่วนมากใช้ในโรงงานเคมี โรงบําบัดน้ำเสีย และระบบลําเลียงทางอากาศ

3.เครื่องเป่าลมแบบอากาศไหลผ่านแกน (Axial Blowers): มีการทํางานคล้ายท่อทรงกระบอกใบพัดเป็นเกลียว อากาศเข้าและออกจากใบพัดในแนวแกน โดยส่วนมากใช้สําหรับระบายความร้อน เช่น ตัวระบายความร้อนน้ำ และ การทำความเย็นเช่นคอนเทนเซอร์ระบายความร้อน

4.เครื่องเป่าใบไม้ (Leaf Blowers): เป็นอุปกรณ์พกพาใช้เป่าใบไม้และขยะอื่นๆ ให้อยู่เป็นกอง มีทั้งแบบพกพา แบบสะพายหลัง และแบบลากตามหลัง

5.เครื่องเป่าลมไอออไนซ์กำจัดไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Blowers): ใช้ในระบบปรับอากาศของรถยนต์และอาคาร เพื่อปรับปรุงการหมุนเวียนอากาศและลดการใช้พลังงาน

6.เครื่องเป่าลมแก๊ส (Gas Blowers): ใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง มักใช้ในโครงการกลางแจ้งขนาดใหญ่เนื่องจากมีแรงเป่าสูงและพกพาได้

7.เครื่องเป่าลมไฟฟ้า (Electric Blowers): ใช้พลังงานไฟฟ้า มักมีพลังน้อยกว่าแบบแก๊สแต่เงียบและบํารุงรักษาง่ายกว่า

---

คุณสมบัติของเครื่องเป่าลม

เครื่องเป่าลมต่างประเภทมีคุณสมบัติร่วมกันดังนี้:

• แหล่งพลังงาน: ดังกล่าวข้างต้น เครื่องเป่าลมใช้พลังงานจากไฟฟ้าหรือแก๊ส แบบแก๊สมีพลังมากกว่า ส่วนไฟฟ้าเงียบและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่า
• พกพาได้: แบบถือมือน้ําหนักเบาและใช้งานง่าย แบบสะพายหลังมีความสมดุลระหว่างพลังและพกพาได้ แบบเดินตามมีพลังมากที่สุดแต่หนักที่สุดด้วย
• ระดับเสียง: เครื่องเป่าลมส่วนใหญ่ทําเสียงดัง โดยเฉพาะแบบใช้แก๊ส แบบไฟฟ้าเงียบกว่า
• ควบคุมความเร็ว: หลายรุ่นมีการปรับความเร็วได้ เพื่อควบคุมกระแสอากาศตามงาน
• ระดับมลพิษ: แบบใช้แก๊สปล่อยมลพิษ ในขณะที่ไฟฟ้าไม่มีมลพิษโดยตรง

---

วิธีใช้ เครื่องเป่าลม

วิธีการใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามประเภท แต่นี่คือขั้นตอนทั่วไป:

1. ยึดความปลอดภัยเป็นหลัก: ใส่แว่นตาและที่ป้องกันเสียงที่หูเสมอ ถ้าหากใช้แบบแก๊สควรใส่หน้ากากเพื่อป้องกันสูดดมไอเสีย
2. เตรียมเครื่องเป่าลม: ถ้าเป็นแบบแก๊สตรวจสอบระดับเชื้อเพลิงและเติมหากจําเป็น สําหรับไฟฟ้าตรวจสอบแบตเตอรี่หรือสายไฟ
3. เปิดเครื่อง: การสตาร์ทเครื่องขึ้นกับระบบของรุ่น บางรุ่นอาจต้องกดปุ่มเริ่มทํางาน บางรุ่นเปิดเครื่องโดยการดึงเชือก หรือสับสวิตช์
4. ใช้เครื่องเป่าลม: เล็งเครื่องไปในทิศทางที่ต้องการเป่า ใช้การเคลื่อนไหวเป่าซ้ายขวาแบบกวาดและพยายามเป่าสิ่งต่างๆ ไปในทิศทางเดียวกัน ปรับความเร็วตามความจําเป็น
5. ทําความสะอาด: เมื่อเสร็จงานแล้วให้ปิดเครื่องทุกครั้ง ทําความสะอาดตามคําแนะนําของผู้ผลิตที่แปะไว้ที่เครื่อง

การใช้งานของเครื่องเป่าลม

เครื่องเป่าลมมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในหลายรูปแบบ:

• การทําสวน: มักใช้ในการเป่าใบไม้ในสวน และเศษขยะอื่นๆ
• ใช้ทําความสะอาด: ใช้เป่าใบ้ไม้ในบริเวณที่ใบไม้ร่วงเยอะหรือเป่าฝุ่นในจุดที่เข้าถึงยาก เช่น แป้นพิมพ์ หรือ ด้านในรถ
• ใช้งานในอุตสาหกรรม: โบลเวอร์บางรุ่นใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ เช่น จ่ายอากาศเผาไหม้ ระบายอากาศอาคาร ระบายความร้อนอุปกรณ์ไฟฟ้า
• กําจัดหิมะ: บางรุ่นออกแบบมาเพื่อกําจัดหิมะออกจากทางเท้าและถนนลาดยาง
• การเป่าแห้ง:  เครื่องเป่าลมบางประเภทถูกออกแบบมาให้ใช้งานสำหรับเป่าแห้งได้ เช่น เครื่องอบพรมเพื่อช่วยเร่งการอบแห้งหลังน้ําท่วมหรือน้ํารั่ว

---

เครื่องมือที่สามารถทํางานร่วมกับเครื่องเป่าลม

1. คีมตัดสายไฟ (Wire Cutters)

คีมตัดสายไฟเป็นเครื่องมือที่จําเป็นอย่างยิ่งเมื่อติดตั้งหรือซ่อมแซมเครื่องเป่าลมไฟฟ้า บางครั้งอาจจําเป็นต้องปรับ, ตัด หรือเปลี่ยนสายไฟ การมีคีมตัดสายไฟที่ดีช่วยให้สามารถปรับแต่งอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ หากคุณอยากเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือนี้มากขึ้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วิธีใช้งานคีมตัดสายไฟ

2. มัลติมิเตอร์ (Multimeter)

เครื่องเป่าลมโดยเฉพาะไฟฟ้ามีส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ทํางานโดยอาศัยกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้า เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างทํางานอย่างถูกต้องและปลอดภัย มัลติมิเตอร์จึงมีประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากเครื่องมือนี้วัดกระแสไฟฟ้าเพื่อยืนยันว่าเครื่องเป่าลมทํางานอยู่ในพารามิเตอร์ที่เหมาะสม และไม่มีปัญหาด้านไฟฟ้า รักษาอุปกรณ์ของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมัลติมิเตอร์ที่นี่ วิธีใช้งานมัลติมิเตอร์เบื้องต้น

3. ถุงมือกันไฟฟ้า (Insulating Gloves)

ความปลอดภัยเป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่งเมื่อใช้เครื่องมือไฟฟ้า ถุงมือกันไฟฟ้าจึงจําเป็นอย่างยิ่งหากคุณทํางานกับเครื่องเป่าลมไฟฟ้าโดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ชื้น ถุงมือเหล่านี้จะช่วยป้องกันมือของคุณจากอันตรายจากไฟฟ้าดูดและทําให้คุณใช้เครื่องเป่าลมได้อย่างปลอดภัย เรียนรู้ว่าทําไมถุงมือกันไฟฟ้าเป็นสิ่งจําเป็นได้ที่บทความ ประโยชน์ของการใช้ถุงมือกันไฟฟ้า

4. บล็อกไร้สาย (Cordless Electric Wrenches)

เครื่องเป่าลมโดยเฉพาะที่ใช้ภายนอกอาคาร อาจไม่สามารถเข้าถึงแหล่งจ่ายไฟโดยตรงเสมอไป บล็อกไฟฟ้าไร้สายช่วยให้คุณสามารถใช้เครื่องเป่าลมได้ทุกที่ตามต้องการโดยไม่จํากัดระยะสายไฟตั้งแต่แรก การใช้เครื่องมือโดยไม่มีข้อจํากัดเป็นสิ่งสําคัญ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบล็อกไร้สายได้ที่ บล็อกไร้สาย ใช้สำหรับทำอะไร?

5. ไขควงไฟฟ้า (Electric Screwdrivers)

เมื่อทํางานกับเครื่องเป่าลมโดยเฉพาะที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบหรือการติดตั้งขนาดใหญ่ อาจมีครั้งที่ต้องยึดส่วนประกอบให้แน่นหนาหรือถอดออก ไขควงไฟฟ้าเป็นเครื่องมือที่จําเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนั้น ไม่ว่าคุณจะกําลังประกอบเครื่องเป่าลมใหม่, ดูแลรักษา หรือติดตั้งระบบ HVAC ไขควงไฟฟ้าช่วยให้ทํางานได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยํา เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไขควงไฟฟ้าได้ที่ ไขควงไฟฟ้า ใช้สำหรับงานอะไร

---

เครื่องเป่าลมหรือโบลเวอร์นั้น มีความหลากหลายและการใช้งานอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่เครื่องเป่าใบไม้ธรรมดาที่ช่วยรักษาความสะอาดสวน, บ้านเรือน, อาคาร ไปจนถึงเครื่องเป่าลมอุตสาหกรรมที่มีพลังสูงสําหรับกระบวนการผลิต ความเหมาะสมของเครื่องเป่าลมแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกำลังในการเป่า, การพกพา หรือระดับเสียง สําคัญคือต้องใช้อย่างระมัดระวังตามคําแนะนําความปลอดภัย เครื่องเป่าลมที่ใช้อย่างถูกต้องจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณทำงานได้สดวกมากยิ่งขึ้น