บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ September 4, 2023
สีทาบ้าน คือ สารเคลือบผิวที่มีสีให้เลือกได้หลากหลาย ซึ่งเมื่อทาสีลงบนพื้นผิวแล้วจะแห้งตัวเป็นฟิล์ม โดยสีทาบ้านแต่ละชนิดมีคุณสมบัติในการป้องกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการป้องกันความร้อน รวมถึงป้องกันฝนหรือน้ำไม่ให้ซึมเข้าสู่ตัวกำแพงหรือผนังของตัวบ้าน รวมถึงยังมีมีประโยชน์ในเชิงหน้าที่อื่นๆ อีกด้วย เช่น ป้องกันผนังจากความชื้น ลดการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก และในบางกรณี สีบางประเภทยังช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในบ้านได้ด้วย
ประเภทของสีทาบ้าน มีอะไรบ้าง
ในปัจจุบันมีสีทาบ้านอยู่หลายประเภทด้วยกัน โดยสีทาบ้านแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติการใช้งาน และข้อดีแตกต่างกันดังนี้
- สีน้ํา [Water-Based Paints] : ทาได้ง่าย ล้างออกง่าย เป็นที่นิยมสําหรับผนังภายใน ทนต่อการแตกร้าว สีคงทนนาน กลิ่นน้อย
- สีน้ํามัน [Oil-Based Paints] : ทนทาน มีสีสันสวยงาม มักใช้กับประตู บานประตู ตู้ เฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการผิวเงาและทนทาน แต่มีกลิ่นแรงและต้องใช้ทินเนอร์ล้าง
- สีลาเท็กซ์ [Latex-Based Paints] : แม้ชื่อว่าลาเท็กซ์ แต่ไม่มีลาเท็กซ์จริงๆ คือสีน้ําที่เติมไวนิลหรืออะคริลิก เป็นสีที่หลากหลายการใช้งาน รวดเร็ว และกลิ่นน้อยกว่าสีน้ํามัน
- สีเคลือบเงา [Enamel Paint] : สีน้ํามันเงาสูง ทนทาน ไม่ลอก ไม่ดูดซับความชื้น เหมาะสําหรับพื้นผิวที่ใช้งานหนักหรือกลางแจ้ง
- สีรองพื้น [Primer Paints] : สีรองพื้นทาก่อนเพื่อให้สียึดเกาะได้ดีขึ้น ทนทาน และป้องกันพื้นผิวเพิ่มเติม
วิธีใช้สีทาบ้านอย่างถูกต้อง
การใช้สีทาบ้านมีขั้นตอนตั้งแต่เตรียมพื้นผิวจนถึงการทําความสะอาด เพื่อให้แน่ใจว่าตัวสีจะติดยึดกับผนังบ้าน และไม่หลุดร่อนเมื่อเจอกับสภาพอากาศที่รุนแรง โดยวิธีการเริ่มต้นเตรียมพื้นผิวไปจนถึงการทาสี จะมีขั้นตอนดังนี้
- เตรียมพื้นผิว : ทําความสะอาด ขัดสีเก่าที่แตกหรือหลุด กําจัดฝุ่นและสิ่งสกปรก ถ้าทาทับสีเก่าที่เข้มกว่าหรือพื้นผิวดิบ ควรใช้สีรองพื้นเพื่อให้สียึดเกาะได้ดีและสีสม่ําเสมอ
- ผสมสี : ผสมสีให้เข้ากัน เพื่อให้สีมีความสม่ําเสมอ ถ้าใช้สีน้ํามัน ต้องเตรียมทินเนอร์สําหรับล้างเครื่องมือไว้ด้วย
- ทาขอบ : ใช้พู่กันเล็กทามุมและขอบผนังที่กว้างเกินกว่าลูกกลิ้งจะเอื้อม
- ทาสี : ทาสีแบบ W หรือ M สม่ําเสมอ ทาจากบนลงล่าง ควรทาหลายชั้นบางๆ ดีกว่าทาหนาๆ ชั้นเดียว
- ตากให้แห้งและทาชั้นต่อไป : ปล่อยให้แห้งก่อนทาชั้นต่อไป โดยเวลาที่สีจะแห้งก็จะแตกต่างกันไปตามประเภทสีและสภาพแวดล้อม
- ทําความสะอาด : ล้างแปรงและลูกกลิ้งให้สะอาด จัดเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไป ถ้าเป็นสีน้ํามัน ต้องใช้ทินเนอร์ในการล้าง
การเลือกสีที่เหมาะสมกับบ้าน
การเลือกสีที่เหมาะสมจะส่งผลต่อลุคของบ้านอย่างมาก ปัจจัยที่ควรพิจารณาถือว่ามีอยู่หลายอย่างด้วยกันไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสภาพอากาศ หรือความสวยงามที่ต้องการ โดยมีสิ่งที่ควรคำนึงถึงได้แก่
- สภาพพื้นผิว : สีมีหลายแบบตั้งแต่ด้านจนถึงเงา สีด้านเหมาะกับจะเหมาะกับการทาฝ้าเพดาน ส่วนสีเงาเหมาะกับการทาห้อง หรือส่วนอื่นๆ ของตัวบ้าน
- เลือกสีที่เหมาะสม : เลือกสีที่กลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์ พื้น และบรรยากาศของบ้าน สีอ่อนทําให้ห้องเล็กดูกว้างขึ้น ส่วนสีเข้มสร้างบรรยากาศอบอุ่น
- คุณภาพของสี : สีคุณภาพดีจะสามารถครอบคลุมพื้นผิวได้ดี สีสดใส และทนทาน แม้ราคาจะสูงกว่าแต่ประหยัดได้ในระยะยาวจากการลดจํานวนชั้นและอายุการใช้งานที่นานขึ้น
- สีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม : พิจารณาเลือกสีที่มี VOC ต่ําหรือไม่มี VOC เพื่อลดผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ VOC (Volatile Organic Compounds) คือสารเคมีที่ระเหยง่าย ทําให้เกิดมลพิษทางอากาศและปัญหาสุขภาพ
ข้อควรระวังเรื่องความปลอดภัย
ข้อควรระวังในการทาสีให้ปลอดภัย ควรจะมีการจัดเตรียมชุดสำหรับทาสีหรือชุดป้องกันอย่างเรียบร้อย รวมถึงควรจะมีการจัดเตรียมพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันพื้นที่ส่วนอื่นๆมาให้เลอะสีที่กำลังจะทาในจุดนั้นๆ โดยข้อควรระวังจะมีดังนี้
- สวมใส่ชุดป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีในสี
- มั่นใจว่าบริเวณทํางานมีการระบายอากาศที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมไอระเหยเป็นพิษ
- เก็บสีให้พ้นมือเด็ก
- กําจัดสีที่เหลืออย่างถูกวิธี ศูนย์บริหารขยะหลายแห่งรับสีที่เหลือมารีไซเคิล
สรุปว่า สีทาบ้านมีความสําคัญอย่างมากต่อการตกแต่งและบํารุงรักษาบ้าน ความเข้าใจถึงประเภทของสี การใช้งาน และวิธีการใช้อย่างถูกต้องจะช่วยให้งานทาสีประสบความสําเร็จ ทั้งช่างมืออาชีพและเจ้าของบ้านที่ต้องการจะทาสีด้วยตัวเอง หากรู้รายละเอียดหรือข้อมูลในการทาสีอย่างถูกต้อง การทาสีด้วยตัวเองก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เครื่องมือที่สามารถใช้ร่วมกับสีบ้านได้
1. ลูกกลิ้งทาสี (Paint Rollers)
ลูกกลิ้งทาสีเป็นเครื่องมือที่สามารถทาสีคลุมพื้นผิวขนาดใหญ่ได้ในเวลาสั้น ๆ และรวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับแปรงทาสี โดยมีโครงสร้างทรงกระบอกซึ่งทําให้กระจายสีบนพื้นผิวได้อย่างสม่ำเสมอ เครื่องมือชนิดนี้มีหลายขนาดและประเภทเพื่อรองรับพื้นผิวและความต้องการทาสีในรูปแบบต่างๆ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือนี้ที่ ลูกกลิ้งทาสีใช้งานอย่างไร
2. แปรงทาสี (Paint Brushes)
แปรงทาสีเหมาะกับที่ต้องใช้ความละเอียดรอบขอบและทาในมุมที่ลูกกลิ้งเข้าถึงไม่ถึง มีให้เลือกหลากหลายขนาดเพื่อรองรับความต้องการทาสีรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้สามารถนำไปใช้งานช่างอื่นๆ ได้นับไม่ถ้วน เป็นหนึ่งในเครื่องมือช่างที่ขาดไม่ได้ คุณสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชันการทํางานของแปรงทาสีเพื่อการใช้งานได้อย่างถูกต้องที่ ทำความรู้จักแปรงทาสี
3. คีมปากจิ้งจก (Combination Pliers)
คีมปากจิ้งจกสามารถใช้เปิดกระป๋องสีหรือจับวัตถุเล็กๆ เช่นตะปูได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ตัดหรือบิดสายไฟ รวมไปถึงชิ้นงานอื่น ๆ ก่อนการลงสีได้เช่นเดียวกัน คุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ประโยชน์ของคีมปากจิ้งจก
4. สีกันสนิม (Rust-Proof Paint)
สีกันสนิมเป็นสีพิเศษชนิดหนึ่งที่สามารถทาในพื้นผิวโลหะเพื่อป้องกันสนิมและการเสื่อมสภาพ หากบ้านของคุณมีโครงสร้างหรือเฟอร์นิเจอร์โลหะที่ต้องการทาสี สีชนิดนี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยการทาสีชนิดนี้ก่อนเคลือบสีบ้านสุดท้ายจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่คงทนและมีอายุการใช้งานที่ยืนยาว สามารถศึกษาเกี่ยวกับสีเพิ่มเติมที่ สีกันสนิมมีประโยชน์อย่างไร
5. มัลติมิเตอร์ (Multimeter)
มัลติมิเตอร์เป็นเครื่องมือที่จําเป็นต้องมีไว้ติดตัวระหว่างการปรับปรุงหรือโครงการทาสีบ้าน ก่อนเริ่มทาสี สิ่งสําคัญอย่างยิ่งคือต้องมั่นใจว่าปลั๊กไฟและสวิตช์ทั้งหมดทํางานได้อย่างถูกต้องเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เครื่องวัดไฟฟ้ามัลติมิเตอร์สามารถช่วยคุณตรวจสอบแรงดันไฟฟ้าและรับประกันความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมพื้นที่ทำงานของคุณได้ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือชนิดนี้เพิ่มเติมที่ ขั้นตอนการใช้มัลติมิเตอร์
โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon