บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ June 26, 2023
รีโนเวทบ้าน ทุกครั้งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือขัดข้องอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ถึงแม้ว่าเจ้าของบ้านจะมีการวางแผนกำหนดแนวทางในการรีโนเวทบ้านไว้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม แต่ก็อาจมีบางเหตุปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาในช่วงระหว่างดำเนินการ ฉะนั้นทางที่ดีสิ่งที่เจ้าของบ้านทำได้ดีที่สุดก็คือการเตรียมใจและวางแผนเผื่อการรับมือกับปัญหาต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นในการตกแต่งต่อเติมให้สวยด้วยการรีโนเวทบ้านทั้งหลัง อย่างปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยเหล่านี้
1. รีโนเวทบ้าน อาจความล่าช้ากว่ากำหนดการที่ตั้งไว้
การ Renovate บ้านเก่า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก โดยเฉพาะงานที่ต้องปรับปรุงบ้านทั้งหลัง ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนก่อนที่จะเริ่มลงมือ เริ่มจากงานสำรวจบ้านเพื่อจัดทำผังพื้นเดิม ผังโครงสร้างเดิม รวมไปถึงผังงานระบบไฟฟ้า งานประปาและงานสุขาภิบาลเดิมก่อน จึงมาเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนการออกแบบอย่างละเอียด แต่ในความเป็นจริงพอมาถึงกระบวนการก่อสร้างก็อาจจะต้องพบกับปัญหาหน้างานที่ควบคุมไม่ได้ ส่งผลให้ต้องมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้งจึงทำให้เวลาในการก่อสร้างล่าช้าออกไปได้เช่นกัน (โดยประมาณอาจจะนานกว่าระยะเวลาที่วางแผนไว้ประมาณ 10-20% ได้)
2. รีโนเวทบ้าน เกิดงานงอกขึ้นมาอย่างที่คาดไม่ถึง
เวลาที่ต้องมีงานรื้อถอนส่วนต่างๆไม่ว่าจะเป็น พื้น ผนัง ฝ้าเพดาน และส่วนหลังคา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการซ่อมหรือรีโนเวทให้ได้ตามแบบที่ตั้งใจ แต่ส่วนมากพอรื้อตรงส่วนไหนก็มักจะพบปัญหาที่ต้องมาซ่อมแซมแก้ไขตามมาเสมอตลอด ทั้งส่วนของโครงสร้าง งานตกแต่ง และระบบงานต่างๆรวมถึงอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงาน เช่น ย้ายตู้เสื้อผ้าตำแหน่งเดิมที่วางทับบนพื้นไม้ไว้ออกกลับพบว่าโดนปลวกทำลาย, รื้อเพดานบริเวณใต้พื้นห้องน้ำชั้นบนแล้วเจอคอนกรีตแตกกระเทาะจนเห็นเหล็กเสริมข้างใน หรือ สกัดผนังโดนท่อน้ำที่ฝังไว้จึงทำให้ท่อแตก ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนมีผลต่อระยะเวลาในการทำงานที่ต้องยืดเยื้ออกไป ยังไม่นับเรื่องงบประมาณที่เพิ่มขึ้นทั้งค่าวัสดุและค่าแรง และถ้าหากต้องไปเช่าบ้านเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อเก็บของชั่วคราวก็จะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายเข้าไปอีก
3. รีโนเวทบ้าน มักมีงบประมาณบานปลาย
นอกจากจะเจอเรื่องงานที่เพิ่มขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว ยังต้องมาเจองบประมาณค่าวัสดุต่างๆที่เพิ่มสเป็คให้ดีกว่าเดิม (เพราะเจ้าของบ้านส่วนใหญ่ต้องเลือกอุปกรณ์ที่ทันสมัยและดีกว่าเดิมสำหรับการก่อสร้างบ้านใหม่)จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้งบประมาณบานปลายได้ด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นแล้วเจ้าของบ้านอาจจะต้องกะงบประมาณไว้คร่าวๆเพื่อที่จะได้วางแผนการเงินได้ เช่น
- งบประมาณค่าก่อสร้าง (ค่าวัสดุ+ค่าแรง) เมื่อลองนำมามาเทียบกับกรณีการสร้างบ้านใหม่ เช่น งบประมาณค่าก่อสร้างบ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น งบประมาณคร่าวๆ จะอยู่ที่ประมาณ 10,600 – 15,000 บ./ตร.ม. โดยแบ่งออกเป็น
- งานโครงสร้าง 30-35% ของค่าก่อสร้าง
- งานระบบ ประปา ไฟฟ้า ระบายน้ำ 10-15% ของค่าก่อสร้าง
- งานด้านสถาปัตย์ตกแต่งและวัสดุปิดผิว 50-60% ของค่าก่อสร้าง แต่งบประมาณตรงนี้สามารถที่จะยืดหยุ่นได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่เลือกใช้
แต่ถ้าเป็นกรณีปรับปรุงบ้านอาจประมาณราคาที่ร้อยละ 60-75% ของงบประมาณสร้างบ้านใหม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่ต้องการจะปรับปรุง อย่างบางบ้านอาจจะปรับปรุงแค่ส่วนของงานตกแต่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างก็อาจจะตัดค่าใช้จ่ายโครงสร้างออกไปได้ เป็นต้น
Tips : หากเป็นงานปรับปรุงเพียงเล็กน้อย เช่น ปรับปรุงห้องน้ำ หรือ ทาสีห้องเพียงห้องเดียว ผู้รับเหมามักจะคำนวนค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบต่อตารางเมตรที่ค่อนข้างสูง จึงไม่สามารถที่จะนำหลักการข้างบนมาคิดได้
- ค่าใช้จ่ายที่มีเพิ่มเติมขึ้น (ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะนอกเหนือจากงานก่อสร้าง มักประกอบด้วย)
- ค่ารื้อถอน : จะประกอบไปด้วยค่าแรงในการรื้อถอนรวมทั้งขนย้ายเศษวัสดุต่างๆไปทิ้งข้างนอก ซึ่งวัสดุบางส่วนที่รื้อถอนออกมาอาจนำไปขายต่อได้ เช่น ประตูเหล็ก วงกบอะลูมิเนียม เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ในส่วนนี้อาจต้องเพิ่มเติมค่าดำเนินงานขนส่งของเพื่อนำไปขายด้วยเช่นกัน
- ค่าเช่าสถานที่ชั่วคราว : ถ้าเป็นการปรับปรุงบ้านทั้งหลังย่อมต้องมีการรื้อถอนบางส่วนออก ยิ่งเป็นงานโครงสร้างด้วยแล้ว ทำให้เจ้าของบ้านหลายคนนิยมที่จะขนย้ายข้าวของไปไว้ในพื้นที่อื่นๆก่อน บางบ้านอาจอยู่อาศัยไม่ได้ก็ต้องไปเช่าที่อื่นอยู่ชั่วคราวจนกว่างานก่อสร้างจะเสร็จเรียบร้อย ซึ่งนับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย
- ค่าจ้างงานออกแบบและวิศวกร : วัตถุประสงค์ของการรีโนเวทบ้านใหม่ก็เพื่อปรับปรุงให้บ้านสวยงาม ทันสมัยมากขึ้น เหมาะสมกับการใช้งานจริงๆ บางครั้งต้องพึ่งพานักออกแบบให้ช่วยในส่วนนี้ และถ้าเป็นโครงสร้างที่ต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น (เช่นเปลี่ยนส่วนของหลังคาใหม่) หรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเดิม ยิ่งต้องอาศัยวิศวกรให้เข้ามาช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ เพื่อความปลอดภัยในการรื้อถอนและการอยู่อาศัยในอนาคต
4. รีโนเวทบ้าน วัสดุไม่เหมือนเดิม
บางครั้งการซ่อมหรือรีโนเวทก็อาจจะไม่ได้เลือกใช้วัสดุใหม่ทั้งหมด บางส่วนยังคงใช้วัสดุเดิมได้ แต่มีบางส่วนที่ได้รับความเสียหายจำเป็นต้องหามาทดแทน ซึ่งปัจจุบันไม่มีจำหน่ายแล้วทำให้ส่งผลต้องเปลี่ยนแนวทางปรับปรุงใหม่ ฉะนั้นจึงควรต้องประเมินตั้งแต่ต้นว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นมากน้อยเพียงไหน และสามารถหาซื้อมาทดแทนได้หรือไม่ ถ้าหาแบบทีเหมือนไม่ได้ก็ต้องหาที่มีโทนสีหรือเฉดสีที่ใกล้เคียงของเดิมแล้วหาวัสดุใหม่มาทดแทน ทั้งนี้ต้องดูความเหมาะสมของการออกแบบ การใช้งานเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจด้วย จากข้อมูลที่นำเสนอในข้างต้นจะเห็นว่าการ รีโนเวทหรือปรับปรุงบ้านอาจจะดูเหมือนยุ่งยาก แต่ถ้าเราเตรียมความพร้อมรับมือไว้อยู่เสมอ ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
การเตรียมพร้อมแก้ไขและอัพเกรดบ้านให้สมบูรณ์แบบ
การรีโนเวทบ้านเก่าเป็นกระบวนการที่มีความสำคัญในการปรับปรุงและอัพเกรดบ้านให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความต้องการของผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม การรีโนเวทบ้านเก่านั้นมักยากต่อการจัดการและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดกระบวนการนี้ ในหัวข้อต่อไปจึงจะเป็นการวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องการเตรียมพร้อมวางแผนและขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการรีโนเวทบ้านเก่า เพื่อให้คุณมีความเข้าใจและพร้อมที่จะเริ่มต้นการปรับปรุงบ้านของคุณให้สอดคล้องกับความต้องการของคุณเอง
การวางแผนและขั้นตอนในการรีโนเวทบ้านเก่า
การรีโนเวทบ้านเก่าต้องการความคิดที่ละเอียดและมีการวางแผนในทุกขั้นตอน นั่นคือการปรับปรุงหลังคา, ผนัง, งานระบบ, และวัสดุตกแต่งผิว ซึ่งต่างกันกับการสร้างบ้านใหม่ ทำให้การรีโนเวทบ้านทั้งหลังสามารถจำแนกเป็น 2 ส่วน คือ ‘การรื้อถอนและการปรับปรุง’ โดยต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดจากการรื้อถอนหรือติดตั้งที่ส่งผลต่อโครงสร้างหลัก เช่น ผนังระบบ Precast ไม่สามารถรื้อถอนหรือเจาะช่องได้ และเราต้องขออนุญาตตามกฎหมายเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นการฟื้นฟูบ้านด้วยการรื้อถอนวัสดุเดิม ขนย้ายและทิ้งทิ้งวัสดุเหล่านั้น ต่อมาจึงปรับปรุงโครงสร้างเดิม ตรวจสอบหรือซ่อมแซมให้พร้อมใช้งาน
หลังจากตรวจสอบและโครงสร้างพร้อมใช้งานแล้ว ควรติดตั้งฉนวนกันความร้อนที่ฝ้าเพดานและเปลี่ยนหลังคาหรือวัสดุมุงหลังคาใหม่เพื่อป้องกันแดดและฝน การปรับปรุงบ้านทั้งหลังควรเริ่มจากงานผนังก่อ, ผนังเบา, การติดตั้งวงกบประตูหน้าต่าง, ระบบไฟฟ้า, และประปา รวมถึงการปรับปรุงงานระบบต่าง ๆ ร่วมกันเพื่อลดความยุ่งยากในอนาคต และควรดำเนินการพร้อม ๆ กับงานด้านระบบอื่น ๆ เช่นเปลี่ยนกระเบื้องผนัง, สุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า, อ่างอาบน้ำ และซ่อมแซมพื้นห้องน้ำที่มีรอยรั่วซึม
การทำบ้านใหม่มีขั้นตอนหลายขั้นตอน เช่น การฉาบผนังและตกแต่งผิว, เปลี่ยนฝ้าเพดาน, ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ Built-in และอุปกรณ์ประกอบ และการปรับปรุงพื้นที่รอบ ๆ บ้าน อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงบ้านเก่าอาจมีข้อจำกัดเมื่อบ้านที่มีพื้นที่จำกัดหรือติดกับบ้านของคนอื่น ดังนั้น เจ้าของบ้านควรเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และควรให้ผู้ออกแบบมีบทบาทในการควบคุมงานก่อสร้างเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
แนวทางการปรับปรุงบ้านเก่า: การวางแผน จัดจ้าง และการจัดการงบประมาณ
การปรับปรุงบ้านเก่าควรจัดการอย่างรอบคอบ ทั้งการเลือกจ้างผู้ให้บริการในด้านต่างๆ เช่น ช่าง, ผู้รับเหมา, นักออกแบบ และวิศวกร รวมถึงมีการกำหนดรูปแบบการปรับปรุง, การเลือกซื้อวัสดุก่อสร้าง, การรื้อถอนวัสดุเดิมและดำเนินการก่อสร้างใหม่ ทั้งหมดนี้ต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ และจัดการงบประมาณให้เหมาะสมกับการดำเนินการ
คุณควรเริ่มต้นด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ในการ Renovate บ้านเก่า เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นแนวทางในการประเมินงบประมาณ ตัวเลือกนี้อาจจะเป็นการปรับปรุงบ้านทั้งหลังหรือเฉพาะบางส่วน เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้พื้นที่ และปรับเปลี่ยนโฉมหน้าบ้านให้สอดคล้องกับสไตล์ที่ชื่นชอบ
หลังจากที่กำหนดวัตถุประสงค์แล้ว ต้องคิดถึงการจ้างผู้ชำนาญในภาคการปรับปรุงบ้าน เช่น ช่างปูน, ช่างทาสี, ช่างไม้ และช่างไฟฟ้า ตามที่ต้องการในส่วนของบ้านที่ต้องการปรับปรุง การจ้างผู้รับเหมาจะเหมาะกับงานที่ต้องการปรับปรุงในหลายส่วนหรืองานก่อสร้างที่ซับซ้อน ผู้รับเหมามีหน้าที่บริหารจัดการงานต่างๆ รวมถึงการเลือกช่าง, จัดซื้อวัสดุก่อสร้าง และควบคุมงานก่อสร้างให้เสร็จสิ้นตามต้องการ
ส่วนการจ้างสถาปนิกและวิศวกรจะเหมาะกับบ้านที่ต้องการปรับปรุงรูปลักษณ์แต่ยังคงความสวยงามไว้ สถาปนิกมีหน้าที่ทั้งออกแบบ, จัดทำแบบก่อสร้าง, และประสานงานกับวิศวกรและผู้ออกแบบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีการจ้างบริการครบวงจรที่เหมาะกับการที่ต้องการซื้อวัสดุก่อสร้างรวมค่าบริการ ค่าใช้จ่ายเหมารวมวัสดุ ค่าบริการประกอบด้วย ออกแบบ/ตรวจสอบหน้างาน/ค่าแรง หรือค่าดำเนินการต่างๆ ที่เรียกว่าการรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร
การรีโนเวทบ้านเก่าไม่ได้เป็นเรื่องง่าย และอาจเกิดขึ้นกับทุกคนที่ต้องเจอปัญหาและความท้าทายในการทำให้บ้านเก่ากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากคุณเตรียมพร้อมและมีการวางแผนที่ดี ปัญหาเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นโอกาสในการสร้างบ้านที่สวยงามและเป็นสิ่งที่ภูมิใจได้ เมื่อพบกับปัญหาในการรีโนเวทบ้าน เช่น งบประมาณที่จำกัด ข้อจำกัดทางเทคนิค หรือเรื่องอื่น ๆ ที่อาจทำให้สับสนหรือไม่มั่นใจ ขอให้คุณจดจำว่าการรีโนเวทบ้านเก่าเป็นการเดินทางที่ยาวไกลและมีขั้นตอนที่ต้องผ่าน ดังนั้น จึงควรเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับอุปสรรคและพยายามหาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon