บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ September 29, 2023
สำหรับวัสดุไม้ที่ใช้ทำ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ เป็นวัสดุที่มีความทนทานเป็นทุนเดิม โดยไม้แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงวัสดุไม้ที่ผ่านขั้นตอนการผลิตที่หลากหลายอย่างเช่นม้เอ็นจิเนียร์ สำหรับวัสดุไม้ชนิดนี้จะเป็นวัสดุที่ทำขึ้นจากเศษไม้ต่างๆไม่ว่าจะเป็นเศษกาวไม้ เศษไม้อัด รวมถึงเศษฝุ่นไม้ ซึ่งจะเป็นการผลิตด้วยการบีบอัดจนกลายเป็นแผ่น และจะประกบกันให้เป็นหลายชั้น ทำให้เป็นวัสดุที่มีความทนทานและแข็งแรงเทียบเท่ากับไม้ชิ้นเดียว
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ คืออะไร?
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์คือวัสดุปูพื้นชนิดไม้ประเภทหนึ่ง แต่จะมีจุดเด่นด้วยความทนทานและเป็นวัสดุที่ทำขึ้นจากธรรมชาติแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยการทำพื้นไม้ Engineer แทนที่จะใช้ชิ้นไม้เพียงชิ้นเดียว แต่การผลิตจะถูกสร้างขึ้นโดยการนําไม้หลาย ๆ ชิ้นหรือหลายชั้นมาประกอบรวมกัน จนกลายเป็นไม้ชนิดหนึ่งซึ่งจะมีรูปแบบเหมือนกับไม้ลามิเนต นิยมใช้ในการปูพื้น ลวดลายของไม้ให้เลือกได้หลากหลาย รวมถึงสามารถเลือกความหนาของชิ้นไม้ได้
การใช้งานของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
การใช้งานพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย โดยปัจจุบันพื้นไม้ชนิดนี้มีได้รับความนิยมในการใช้งานอย่างเช่นงานก่อสร้าง งานตกแต่งหรืองานซ่อม รวมถึงงานศิลปะ เนื่องจากวัสดุที่ใช้สำหรับทำพื้นไม้ Engineer เป็นวัสดุจากธรรมชาติ ทำให้มีความสวยงามและมีความทนทาน โดยในปัจจุบันถูกนิยมใช้เกี่ยวกับงานต่างๆ ดังนี้
- ก่อสร้างบ้าน : มันมีความแข็งแรง จึงเหมาะสําหรับฝาผนัง, หลังคา และพื้น
- เฟอร์นิเจอร์ : โต๊ะ, เก้าอี้ และตู้สามารถทําจากพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ได้
- พื้น : บางชนิดของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์สร้างพื้นที่สวยงามและทนทาน
- ประตูและหน้าต่าง : เนื่องจากมันทนต่อการผันเปลี่ยนรูปร่างได้ดี จึงเหมาะสําหรับทําประตูและหน้าต่าง
ประเภทของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
สำหรับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีการแบ่งประเภทออกหลายอย่างด้วยกันโดยประเภทของพื้นไม้จิลเนียร์จะขึ้นอยู่กับการใช้งานหรือพื้นที่ที่ต้องการจะใช้ในการปูพื้นซึ่งจะมีส่วนประกอบหลายอย่างไม่จำเป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ แบบไม้อัด หรือเป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์แบบพื้นผิวลามิเนต ซึ่งจะมีการแบ่งประเภทออกดังนี้
- ไม้อัด (Plywood) : ชั้นของไม้ปิดผิวที่ติดกาวเข้าด้วยกัน ทำให้มีความสวยงามและมีความหนามากขึ้น
- แผ่นฝาตะแกรงไม้ OSB (Oriented Strand Board) : ทําจากการกดและติดกาวเศษไม้เข้าด้วยกัน โดยจะมีรูปแบบคล้ายกับไม้อัด
- ไม้ย่นยีนกลาง MDF (Medium Density Fiberboard) : ทําจากเส้นใยไม้ผสมกาวแล้วกดเป็นแผ่น ทำให้มีคุณสมบัติในการทนทานมากยิ่งขึ้น
- แผ่นอัดไม้ (Particle Board) : จะถูกทำขึ้นจากเศษชิ้นไม้อัด รวมถึงเศษฝุ่นและเศษกาว ผสมจนเป็นแผ่นไม้เอ็นจิเนียร์ชนิดแผ่นไม้อัด
- ไม้ปิดผิวชั้น LVL (Laminated Veneer Lumber) : ชั้นของไม้ที่ถูกติดกาวเข้าด้วยกัน แต่หนากว่าไม้อัด
คุณสมบัติของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมในเรื่องของความทนทาน นอกจากนี้ยังมีพื้นผิวที่มีความสวยงามเหมือนกับการเล่นลวดลายของไม้ลามิเนต แต่สำหรับโทนสีของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์จะมีการใช้โทนสีโทนเดียว ซึ่งคุณสมบัติโดยรวมจะมีดังนี้
- ความแข็งแรง : มีความแข็งแรงเนื่องจากวิธีการผลิต ด้วยวิธีการผลิตที่หลายขั้นตอนด้วยกันนำการประกอบแผ่นไม้หลายแผ่น ทำให้มีความทนทาน และมีความแข็งแรง
- ความทนทาน : สามารถใช้ได้นานหากดูแลอย่างถูกต้อง ซึ่งวัสดุชนิดนี้ไม่ควรใช้ในบริเวณที่เป็นพื้นที่ชื้น อาจส่งผลให้ไม้บวม
- ขนาดความหนา : สำหรับชิ้นไม้ชนิดนี้จะมีความหนาเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นการประกอบเข้าจากหลายแผ่น ไม่บิดเบี้ยวหรือคดง่าย
- ใช้งานได้หลากหลาย : สามารถใช้ได้หลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับการออกแบบงาน สามารถตัดให้เข้ามุมหรือใช้เป็นแผ่นตรงได้เหมือนกับการปูพื้นปกติ
- ประหยัด : มักจะถูกกว่าไม้แข็งทั่วไปเนื่องจากเป็นเศษไม้หรือเศษไม้กาวประกอบเข้าด้วยกันจนกลายเป็นแผ่น
วิธีใช้ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์
- เลือกชนิดที่เหมาะสม : ไม่ใช่พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ทุกชนิดเหมือนกัน เลือกชนิดที่เหมาะกับโครงการของคุณ
- ตัด : ใช้เครื่องมือคม ๆ ในการตัดพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้ได้ขนาดที่ต้องการ
- ต่อ : คุณสามารถใช้ตะปู สกรู หรือแม้แต่กาวในการต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน
- ขัดผิว : สี สเตน หรือแวร์นิช สามารถใช้เพื่อทําให้ดูสวยงาม
- บํารุงรักษา : ทําความสะอาดอย่างสม่ําเสมอและป้องกันความชื้นมากเกินไป
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้งาน
- ใช้ชนิดผิด : โครงการต่างกันต้องใช้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ชนิดต่างกัน
- ไม่ปฏิบัติตามคําแนะนํา : หากผู้ผลิตให้คําแนะนํา ควรปฏิบัติตาม
- สัมผัสน้ํามากเกินไป : แม้ว่าพื้นไม้เอ็นจิเนียร์บางชนิดจะทนน้ําได้ แต่น้ํามากเกินไปอาจทําให้เสียหาย
- ไม่ใช้เครื่องมือที่เหมาะสม : เครื่องมือที่ฝืดจะทําให้ไม้เสียหาย
- ข้ามการป้องกัน : ใส่แว่นตาและถุงมือนิรภัยเมื่อทํางานกับไม้เสมอ
ข้อควรรู้อื่น ๆ
- ความปลอดภัย : เมื่อตัดหรือขัด ให้สวมแว่นตาและหน้ากากกรองฝุ่นเสมอ
- การเก็บรักษา : เก็บพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ในที่แห้ง ห่างจากแสงแดดโดยตรง
- การรีไซเคิล : พื้นไม้เอ็นจิเนียร์บางชนิดสามารถรีไซเคิลได้
- การทนต่อความชื้น : พื้นไม้เอ็นจิเนียร์บางชนิดออกแบบมาให้ทนต่อน้ําได้ดีกว่าชนิดอื่น ตรวจสอบก่อนใช้ในบริเวณที่มีความชื้น
อุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
1. สีโป๊วไม้ (Wood Filler)
สีโป๊วไม้เป็นอุปกรณ์ที่จําเป็นสําหรับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ใช้สําหรับอุดรอยต่าง ๆ, รู หรือรอยตําหนิบนผิวไม้ การใช้สีโป๊วไม้ช่วยให้ผิวไม้เอ็นจิเนียร์เรียบและสมบูรณ์แบบ สําหรับการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์หรือการผลิตเฟอร์นิเจอร์ สีโป๊วไม้เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อย่างมาก ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือที่จําเป็นนี้ โดยทําความเข้าใจประโยชน์เมื่อใช้งานกับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ และวิธีที่มันจะช่วยยกระดับคุณภาพโครงการไม้ของคุณได้ที่ สีโป๊วไม้ มีกี่ประเภท
2. แล็กเกอร์สําหรับพื้นไม้ (Wood Lacquer)
แล็กเกอร์ไม้เป็นสารเคลือบผิวที่ใช้บนพื้นไม้เอ็นจิเนียร์เพื่อเพิ่มความสวยงามและป้องกันความเสียหายจากสภาพแวดล้อม สารเคลือบใสชั้นนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มมันวาวและความสวยงามให้กับผิวไม้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ไม้ทนต่อความชื้น, รอยขีดข่วน และคราบสกปรก คุณสามารถศึกษาคุณสมบัติการป้องกันของแล็กเกอร์ไม้ ทําความเข้าใจวิธีที่มันช่วยป้องกันและเพิ่มความงดงามให้กับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ได้ที่ วิธีใช้งานแลคเกอร์ทาไม้
3. บล็อกไร้สาย (Cordless Electric Wrenches)
เมื่อทํางานกับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์โดยเฉพาะช่วงการติดตั้ง การยึดแผ่นไม้หรือชิ้นส่วนต่าง ๆให้แน่นหนาเป็นสิ่งสําคัญ บล็อกไร้สายช่วยให้คลายหรือขันน็อตได้โดยไม่ต้องใช้แรงงาน เครื่องมือเหล่านี้ควบคุมแรงบิดได้อย่างแม่นยํา ช่วยให้ไม้ไม่หลวมหรือเสียหายจากการขันแน่นเกินไป ศึกษาวิธีการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเข้าใจถึงความสะดวกและประหยัดเวลาที่มันนํามาซึ่งงานไม้ได้ที่บทความ บล็อกไฟฟ้าไร้สาย คืออะไร
4. สีย้อมไม้ (Wood Paint)
เพื่อให้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีลักษณะเฉพาะหรือกลมกลืนกับตกแต่งภายใน สีทาผิวไม้จึงเป็นอุปกรณ์ที่จําเป็น เพราะสีช่วยให้ปรับแต่งผลิตภัณฑ์ไม้เอ็นจิเนียร์ได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ การทาสียังช่วยเพิ่มชั้นการป้องกันจากการสึกหรอ ศึกษาประโยชน์ของสีทาผิวไม้สําหรับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ พร้อมทําความเข้าใจวิธีที่มันช่วยเปลี่ยนแปลงและป้องกันผลิตภัณฑ์ไม้ของคุณได้ที่ วิธีใช้สีย้อมไม้
5. ดอกสว่านเจาะไม้ (Wood Drill Bits)
สําหรับงานช่างไม้ต่าง ๆ เช่น การเจาะรูหรือยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน คุณจะต้องใช้ดอกสว่านเจาะไม้ ซึ่งออกแบบมาเพื่อทํางานกับวัสดุไม้ รวมถึงพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ด้วยดอกสว่านที่เหมาะสมคุณจะสามารถเจาะรูที่สะอาดและแม่นยําโดยไม่ทําให้ผิวไม้เสียหาย ศึกษาประโยชน์ของดอกสว่านเจาะไม้โดยอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ดอกสว่านเจาะไม้ มีกี่แบบ
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงของไม้เข้ากับการออกแบบสมัยใหม่ ด้วยชนิดและการใช้งานหลากหลาย มันเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสําหรับโครงการหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง การปูพื้นด้วยงานไม้ หรือการตกแต่งต่อเติมรวมถึงการจัดทำเฟอร์นิเจอร์และการบิ้วอิน ด้วยการเข้าใจคุณสมบัติและสามารถใช้ได้อย่างถูกต้อง การใช้พื้นไม้ชนิดนี้ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าไม้แท้ทั่วไป นอกจากนี้คุณสมบัติยังมีความทนทานไม่ต่างจากวัสดุไม้แท้ หรือเนื้อไม้ชิ้นเดียว เช่นไม้สักหรือไม้อื่น ต่างกันเพียงแค่ขั้นตอนการผลิตโดยที่พื้นไม้ชนิดนี้จะเป็นการผลิตขึ้นจากเศษไม้และเศษฝุ่นของไม้กาวเท่านั้น
โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon