บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ September 9, 2023

พื้นลามิเนตเป็นทางเลือกที่หลากหลายและประหยัดในการทดแทนไม้ธรรมชาติ ได้รับความนิยมจากการผสมผสานระหว่างสไตล์ ความทนทาน และราคาที่จับต้องได้ คู่มือฉบับละเอียดนี้จะพาคุณศึกษาทุกแง่มุมของพื้นลามิเนต ตั้งแต่ประเภทของพื้นลามิเนต จนถึงวิธีการเลือกใช้งานและคุณสมบัติต่างๆ ของพื้นลามิเนตแต่ละชนิด


พื้นลามิเนตคืออะไร

พื้นลามิเนตเป็นผลิตภัณฑ์สังเคราะห์ ออกแบบมาเลียนแบบวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้และหิน ประกอบด้วยชั้นหลายชั้น ชั้นสําคัญที่สุดคือชั้นนออกที่ให้ลวดลายแก่พื้น โดยส่วนมากจะนิยมใช้เป็นลวดลายของไม้ และชั้นผิวสัมผัสที่ใสและแข็งแรง ช่วยป้องกันพื้นให้ไม่เสียหาย ถือเป็นการเคลือบวัสดุลามิเนตอีกหนึ่งชั้น

ประเภทของพื้นลามิเนต

พื้นลามิเนตมีหลายประเภท ที่มอบทางเลือกทั้งในแง่สไตล์และประโยชน์ใช้สอย โดยพื้นลามิเนตแต่ละประเภทมักจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน

High-Pressure-Laminate

  • พื้นลามิเนตความดันสูง (High-Pressure Laminate) : ผลิตโดยอัดวัสดุภายใต้ความดันสูง ทําให้มีความทนทานสูง

Direct-Pressure-Laminate

  • พื้นลามิเนตความดันตรง (Direct Pressure Laminate) : เป็นที่นิยมมากที่สุด อัดทุกชั้นเข้าด้วยกันในครั้งเดียว

Embossed-and-Textured-Laminate

  • พื้นลามิเนตลอนลาย (Embossed and Textured Laminate) : มีพื้นผิวลวดลาย เพิ่มความคล้ายไม้หรือหินธรรมชาติ

Smooth-Laminate

  • พื้นลามิเนตเรียบ (Smooth Laminate) : พื้นผิวเรียบ มอบความรู้สึกสะอาด ดีกับงานตกแต่งแนวมินิมอล

Handscraped-Laminate

  • พื้นลามิเนตแฮนด์สเกรป (Handscraped Laminate) : เลียนแบบลักษณะไม้ขูดพื้น สร้างลุควินเทจ

คุณสมบัติของพื้นลามิเนต

คุณสมบัติของพื้นลามิเนต

สำหรับพื้นลามิเนตถือว่าเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความทนทานทั้งนี้ยังมีความสวยงามและมีราคาที่สามารถจับต้องได้ โดยลวดลายของพื้นลามิเนตนั้นสามารถเลือกได้หลากหลายตามความต้องการ โดยข้อดีของพื้นลามิเนตก็จะมีดังนี้

  • ทนทาน : ทนต่อรอยขีดข่วน รอยบุบ และคราบสกปรก จึงเหมาะกับพื้นที่ใช้งานหนาแน่น
  • หลากหลาย : มีสไตล์และสีสันมากมายเลียนแบบวัสดุธรรมชาติ ตอบโจทย์การออกแบบได้อย่างกว้างขวาง
  • ราคาถูก : เมื่อเทียบกับไม้หรือหิน ลามิเนตให้ลุคคล้ายกันในราคาถูกกว่ามาก
  • ดูแลง่าย : เช็ดถูสิ่งสกปรกและคราบได้ง่าย
  • ทนทาน : ไม่ซีดจางแม้ถูกแสงแดด บางชนิดยังกันน้ําได้ดี

การติดตั้งพื้นลามิเนต

การติดตั้งพื้นลามิเนต

การติดตั้งพื้นลามิเนตค่อนข้างง่าย จึงเป็นที่นิยมสําหรับคนชอบช่าง มีขั้นตอนดังนี้

  1. เตรียมพื้น : พื้นฐานต้องเรียบ ราบเสมอ ปราศจากความชื้น
  2. ปูพื้นรอง : เพื่อกั้นความชื้น ดูดซับเสียง และเพิ่มความเรียบในการติดตั้ง
  3. วางพื้น : เริ่มจากมุมซ้าย เชื่อมแผ่นเข้าด้วยกัน โดยปล่อยระยะห่างขอบผนังเล็กน้อย
  4. ตัดให้เหมาะกับพื้นที่ : แถวสุดท้ายอาจต้องตัดให้พอดีกับพื้นที่ วัดให้ละเอียดก่อนตัด
  5. ตัดบริเวณส่วนขอบ : ติดตั้งขอบหรือส่วนประกอบตกแต่งบริเวณขอบ เพื่อปิดช่องว่างขยายตัว

ข้อดีและข้อเสียของพื้นลามิเนต

ข้อดีและข้อเสียของพื้นลามิเนต

สำหรับพื้นลามิเนตถึงแม้จะเป็นวัสดุที่มีความทนทานและมีคุณสมบัติในเรื่องของความสวยงาม แต่ทว่าข้อเสียของพื้นลามิเนตก็มีด้วยเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับข้อดีอย่างเช่นความทนทานและความสวยงามก็ถือว่าพื้นลามิเนตก็ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสม โดยข้อดีข้อเสียของพื้นลามิเนต จะมีดังนี้

ข้อดี

  • ทนทาน ทนการใช้งานประจําวันได้ดี
  • ติดตั้งง่าย แม้ใครๆ ก็ทําได้
  • ราคาถูกกว่าวัสดุธรรมชาติ
  • มีสไตล์และสีสันให้เลือกมากมาย
  • ดูแลรักษาง่าย

ข้อเสีย

  • แม้เลียนแบบลักษณะไม้หรือหินได้ แต่สัมผัสจับไม่เหมือนของจริง
  • เมื่อเสียหายต้องเปลี่ยนใหม่ ไม่สามารถซ่อมแซมได้
  • ไม่เหมาะกับบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ํา
  • บางชนิดอาจปล่อยสารอินทรีย์ระเหยได้

สรุปเนื้อหาและข้อมูลเกี่ยวกับพื้นลามิเนต

พื้นลามิเนตเป็นตัวเลือกที่ทนทาน ประหยัด และมีสไตล์สําหรับผู้ใช้บ้านจํานวนมาก สามารถสร้างลุคที่สวยงามเหมือนไม้หรือหินธรรมชาติได้ แต่มีความทนทานและดูแลรักษาง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาข้อดีข้อเสียให้เหมาะสมกับการใช้งานและความต้องการของแต่ละบ้าน ไม่ว่าจะเป็นลุควินเทจ ความหรูหราของหิน หรือโมเดิร์นเรียบๆ ลามิเนตมีตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ดีไซน์และฟังก์ชั่นใช้สอย สําหรับทุกไลฟ์สไตล์ แต่ทั้งนี้ก็ควรศึกษาในเรื่องของวิธีการใช้งานในการติดตั้ง รวมถึงคุณสมบัติเฉพาะของพื้นลามิเนตแต่ละชนิดเพื่อที่จะเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับบ้านของคุณ


เครื่องมือที่ใช้กับพื้นลามิเนตได้

1. ปูนกาวปูกระเบื้อง (Cement Tile Adhesive)

ในกรณีที่ติดตั้งพื้นลามิเนตบนพื้นคอนกรีต ปูนกาวปูกระเบื้องมีบทบาทสําคัญช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแรงและทนทานสําหรับพื้นลามิเนต ทําให้มั่นใจว่าจะอยู่คงทนได้นาน การใช้ปูนกาวอย่างถูกต้องเป็นปัจจัยสําคัญต่อการมีอายุการใช้งานและคุณภาพของพื้นลามิเนต เรียนรู้วิธีใช้ปูนกาวปูกระเบื้องอย่างถูกต้องเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของพื้นลามิเนตที่ วิธีการใช้ปูนกาวปูกระเบื้อง


2. แลคเกอร์ 2K (2K Lacquer)

การใช้แลคเกอร์ 2K บนพื้นลามิเนตเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มชั้นป้องกันเงาให้ผิวหน้า ซึ่งช่วยป้องกันพื้นไม่ให้เกิดรอยขีดข่วน รอยบุบ และสึกกร่อนตามเวลา ทําให้รักษาสภาพลักษณะและยืดอายุการใช้งาน ศึกษาประโยชน์ได้ที่ การใช้แลคเกอร์ 2K 


3. แล็กเกอร์ทาไม้ (Wood Lacquer)

หลังจากติดตั้งพื้นลามิเนตแล้ว การใช้แล็กเกอร์ทาไม้เป็นขั้นตอนที่ดีในการเพิ่มชั้นป้องกันบนผิวหน้า ซึ่งนอกจากช่วยเพิ่มความเงาและสุดท้ายแล้ว ยังป้องกันพื้นไม่ให้เกิดรอยขีดข่วนและสึกกร่อนตามเวลา การใช้แล็กเกอร์ทาไม้อย่างถูกต้องสามารถยืดอายุการใช้งานของพื้นลามิเนต ศึกษาประโยชน์ของ การใช้แล็กเกอร์ทาไม้ 


4. เลื่อยชักไร้สาย (Cordless Reciprocating Saws)

เลื่อยชักไร้สายสามารถมีส่วนสําคัญในการตัดพื้นลามิเนตได้อย่างแม่นยํา ทําให้วางแผ่นพื้นแนบสนิทไม่มีรอยต่อ คุณสมบัติไร้สายยังทําให้สะดวกในการเคลื่อนย้าย ทําให้กระบวนการติดตั้งมีประสิทธิภาพมากขึ้นศึกษาวิธีที่เลื่อยชักไร้สายช่วยอํานวยความสะดวกในการติดตั้งพื้นลามิเนตอย่างแม่นยําและรวดเร็วที่ วิธีใช้เลื่อยชักไร้สาย


5. คีมล็อค (Locking Pliers)

คีมล็อคสามารถเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในการติดตั้งพื้นลามิเนต สามารถใช้จับชิ้นลามิเนตให้อยู่กับที่แน่นหนาในขณะที่กําลังปรับแต่งหรือให้แนบสนิท ช่วยให้กระบวนการติดตั้งเรียบร้อยและมั่นคง เรียนรู้การใช้คีมล็อคในการติดตั้งพื้นลามิเนตที่ วิธีการใช้คีมล็อค

เขียนโดย Con Mueangsak

โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon