บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ June 22, 2023

ปลวกขึ้นบ้าน แก้ปัญหาอย่างไรดีให้เห็นผล 100%

ปลวกขึ้นบ้าน ทำยังไงดี ศัตรูวายร้ายทำลายบ้านอีกชนิดหนึ่งที่หลายบ้านต่างประสบปัญหาเมื่อพวกมันมาอยู่รวมตัวกันเป็นแสนเป็นล้านตัว ใช่แล้วค่ะ เรากำลังพูดถึง “ปลวกตัวร้ายจอมทำลายบ้าน” เพราะถ้าเกิดเราชะล่าใจแม้แต่เพียงนิดเดียว บ้านอาจผุพังจนต้องซ่อมบ้าน หรือที่แย่กว่านั้นอาจจะเสียบ้านให้กับพวกมันไปอย่างน่าเสียดายและไม่สามารถนำกลับมาได้แล้วนอกเสียจากจะรื้อทิ้งแล้วสร้างใหม่เท่านั้น

ปลวกขึ้นบ้าน

บางท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าปลวกมีนิสัยชอบกัดกิดแทะสิ่งต่างๆที่มีไม้เป็นส่วนประกอบ โดยเราสามารถแบ่งปลวกออกได้เป็น 3 ชนิดด้วยกัน คือ ปลวกไม้แห้ง ปลวกไม้ชื้น และ ปลวกใต้ดิน ซึ่งเจ้าปลวกใต้ดินเนี่ยละที่เป็นตัวการร้ายในการทำลายบ้าน ที่สำคัญพวกมันยังสามารถฝังตัวอยู่ใต้พื้นบ้านของเราได้เป็นระยะเวลานานจนกว่าจะถึงเวลาที่พวกมันจะสละรังและไปเริ่มสร้างรังใหม่

 เราจึงมีวิธีการสำรวจง่ายๆว่าบ้านของเราได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของปลวกแล้วหรือยัง โดยตรวจสอบจาก


1. ปลวกขึ้นบ้านสังเกตจาก ท่อทางเดินปลวก

จะเป็นลักษณะเศษดินที่ปลวกนำมาสร้างเป็นท่อไปตามผนังรอบตัวบ้านเพื่อปกป้องตัวเองจากอันตรายต่างๆในระหว่างที่พวกมันออกจากรังเพื่อไปหาแหล่งอาหาร ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณพบท่อพวกนี้ให้คิดเลยว่าบ้านของคุณมีปลวกบุกแล้วอย่างแน่นอน


2.ปลวกขึ้นบ้านสังเกตจาก แมลงเม่า

ก็คือวัยผสมพันธุ์ที่โตเต็มที่พร้อมที่จะออกไปสร้างรังใหม่ ถ้าเมื่อไหร่ที่เราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามีกองปีกของแมลงเม่าอยู่เกลื่อนบ้าน ก็คาดคะเนได้ทันทีว่ามีรังปลวกอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น


3.ปลวกขึ้นบ้านสังเกตจาก ร่องรอยการกัดแทะของไม้

โดยปกติแล้วเราแทบจะไม่เห็นเลยว่าไม้ตรงไหนที่ถูกปลวกกัดกินแล้ว เพราะนิสัยของปลวกจะเริ่มแทะจากภายในจนเป็นโพรง คุณเพียงแค่ทดสอบด้วยการไปเคาะๆตามพื้นไม้ เช่น บันได ขอบประตูถ้ามีเสียงกลวงๆแสดงว่าบ้านของคุณมีปลวกมาเป็นสมาชิกเสียแล้วล่ะ


ปลวกขึ้นบ้าน

ปลวกขึ้นบ้าน แล้ววิธีที่จะรับมือยังไง

1.ถ้าบริเวณบ้านมีเศษวัสดุก่อสร้างที่เหลือใช้โดยเฉพาะเศษจำพวกไม้ต่าง หลังจากที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วควรที่จะขนไปทิ้งหรือทำลายหมดไปจากรอบบริเวณบ้าน เพราะไม้เหล่านี้จะกลายเป็นอาหารชั้นดีให้กับปลวกเลยทีเดียว


2.ในช่วงของการก่อสร้างบ้าน ควรที่จะทำการฉีดพวกน้ำยากำจัดปลวกไปที่รอบคานบ้านเสียก่อน และฉีดเคลือบผิวด้านในทุกๆตารางนิ้ว โดยรอบบริเวณอาคารเน้นตรงที่บริเวณความชื้นสูงๆได้ด้วยยิ่งดี


3.กรณีที่พบทางเดินของปลวกคุณต้องรีบค้นหาปลวกที่อยู่รอบๆบ้านทันที โดยทำการพ่นยาฆ่าปลวกทิ้งไว้ 1-2 วัน แล้วค่อยกลับมาตรวจสอบบริเวณที่เราฉีดอีกครั้ง ถ้าหากยังพบตัวปลวกอยู่อีกก็ให้ขุดดินลงไปแล้วฉีดซ้ำอีกที


4.ผสมน้ำยากำจัดปลวกกับซีเมนต์ที่ใช้สำหรับทำพื้นบ้าน


5.ช่วงขั้นตอนการก่อสร้างบ้านให้ทำระบบท่อฝั่งใต้อาคาร ระบบนี้จะมีท่อที่เชื่อมระหว่างคานและมีรูอยู่เป็นระยะ เมื่อถึงกำหนดระยะเวลาก็ให้ทำการอัดน้ำยาลงไปในท่อแค่นั้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปทุบพื้นหรือเจาะพื้นเพื่ออัดน้ำยาลงไปใหม่อีกด้วย


6.ควรเลือกไม้ที่มีความทนทานต่อการทำลายของปลวก ซึ่งส่วนมากจะเป็นไม้เนื้อแข็งทั่วไป เช่น ไม้สัก ไม้แดง ไม้ชิงชัน ไม้ประตู่ แต่หากหลีกเลี่ยงไม้เนื้ออ่อนไม่ได้ ควรแก้ไขด้วยการเคลือบน้ำยากันปลวกให้ทั่วก่อนนำมาใช้งานจะได้เป็นการป้องกันปลวกได้อีกชั้นหนึ่ง


7.ฉีดน้ำยากันปลวกเคลือบโครงไม้และปล่อยให้น้ำยาซึมเข้าไปในส่วนต่างๆ เพื่อป้องกันการเกิดใหม่ของปลวก รวมทั้งมอด ด้วง และเชื้อราต่างๆ


8.ไม่ควรที่จะปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ใกล้ๆตัวบ้าน เพราะอาจจะเป็นเส้นทางที่ทำให้ปลวกเข้ามาสู่บ้านได้ หรือถ้าต้องการที่เอาร่มเงาของไม้จริงๆก็ควรต้องหมั่นสำรวจต้นไม้อยู่เสมอๆ ถ้ามีอาการเหมือนจะเริ่มแห้งตายแสดงว่าปลวกได้เริ่มยึดครองต้นไม้แล้วต้องรีบกำจัดทิ้งทันที เพราะถ้าปล่อยเอาไว้จะเกิดอันตรายต่อตัวบ้านได้


9.พอเข้าสู่ช่วงหน้าฝนแน่นอนอยู่แล้วว่าแมลงเม่าย่อมบินออกมาเพื่อทำการผสมพันธุ์และย้อนกลับไปเป็นปลวกอีกครั้ง ฉะนั้นเราจึงควรที่จะต้องป้องกันไม่ให้แมลงเม่าเข้าไปภายในบ้าน เพราถ้ามันเข้าไปในบ้านได้เมื่อไหร่มันก็จะหาพื้นที่ในการสร้างรังและวางไข่ ถ้าพบว่ามีแมลงเม่าหลุดรอดเข้ามาในบ้านแล้วก็ให้รีบฉีดน้ำยาฆ่าปลวกเข้าไปตามซอกหลืบทันทีเพื่อเป็นการป้องกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ


ปลวกขึ้นบ้าน

จะเห็นได้ว่าวิธีการเหล่านี้เป็นแค่วิธีการที่ป้องกันเบื้องต้นที่ควรจะปฏิบัติก่อนเป็นอันดับแรก แต่ถ้าท่านไม่มีเวลาตรวจสอบดูแลบ้าน หรือว่าโดนปลวกเข้าจู่โจมบ้านแล้วแต่หาทางแก้ไขไม่ได้ ทางที่ดีสุดก็คือการเลือกใช้บริการบริษัทกำจัดปลวก ซึ่งปัจจุบันก็มีให้เลือกอยู่มากมาย แต่ละบริษัทก็มีราคาและข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป เราจึงต้องทำการศึกษาข้อมูลของบริษัทให้ดีเสียก่อน ลองสอบถามจากคนที่อยู่รอบๆบ้านว่าได้ใช้บริการของบริษัทกำจัดปลวกของทีไหนอยู่หรือไม่ แล้วลองเรียกให้เข้ามาดูพร้อมทั้งตีราคา ถ้าคุณพิจารณาดูแล้วว่าเหมาะสมก็ให้เข้ามาดำเนินการในทันที จำไว้เสมอว่า ปัญหาเรื่องปลวกไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าแก้ไขช้าจะกลายเป็นเรื่องยากทันทีค่ะ


วิธีดูแลบ้านที่ใช้วัสดุจากไม้ เช่นประตูหน้าต่างไม้

การเปลี่ยนและการดูแลประตูหน้าต่างไม้ต้องใช้เวลาและขั้นตอนการดำเนินงานอย่างรอบคอบ เช่นการถอดบานประตูออกจากวงกบ รวมถึงการเคลือบไม้เดิมออก การตรวจสอบรอยแตกของประตู และการทาสีที่เหมาะสม แนะนำว่าควรตรวจสอบว่าต้องเปลี่ยนประตูหน้าต่างกี่บาน หรือหากต้องการป้องกันเสียงและอากาศ ควรเลือกประตูหน้าต่างที่ใช้วัสดุที่ทนต่อปลวกและไม่ยืดหดตัว เช่น อะลูมิเนียม หรือ ไวนิล ซึ่งถือว่าเป็นการลดปัญหาไม้บวม หรือปลากได้อย่างตรงจุด

เมื่อต้องการถอดบานประตูออกจากวงกบ ควรใช้สว่านไขสกรูที่ยึดบานพับกับบานประตูออก โดยเริ่มจากบานพับที่อยู่ตรงกลางและมีผู้ช่วยพยุงบานประตูไม่ให้ล้ม สำหรับบานประตูไม้ทำสีธรรมชาติ ควรใช้กระดาษทรายขัดตัวเคลือบไม้เดิมออก และตรวจสอบประตูว่ามีรอยแตกร้าวหรือไม่ ถ้าพบให้รีบนำดินสอพองมาผสมกับน้ำ แล้วนำมาโป๊วอุดรอยตรงบริเวณที่มีรอยแตก ทำความสะอาดที่ผิวไม้จนหมดพวกฝุ่นผง และทาน้ำยารักษาเนื้อไม้หรือสีทาทับ 2 รอบ ทิ้งไว้ให้แห้งอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นจึงจะสามารถติดตั้งบานประตูกลับเข้ากับวงกบเดิม


วิธีเลือกไม้ปูพื้น ให้เหมาะกับบ้าน และสภาพอากาศ

สำหรับการเลือกประเภทวัสดุไม้ปูพื้นจะต้องใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ของไม้แต่ละชนิด เนื่องจากไม้ทุกชนิดไม่สามารถนำมาใช้ในการปูพื้นได้ทั้งหมด แบ่งเป็น 2 ประเภท คือไม้เนื้อแข็งเหมาะกับงานภายนอกและไม้เนื้ออ่อนเหมาะกับการทำเฟอร์นิเจอร์ พื้นไม้ยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่นำไปใช้ปูพื้นบ้านมีหลายชนิด และมีเคล็ดลับการดูแลรักษาพื้นบ้านไม้อย่างไรให้สวยงามอยู่เสมอ และเคล็ดลับการสร้างบ้านให้เย็นด้วยวัสดุไม้ โดยจะบอกถึงคุณสมบัติของไม้แต่ละชนิด

  • ไม้สัก : เป็นไม้ที่มีความสวยงามและคุณภาพดี มีความแข็งแรงทนทาน และสามารถต้านศัตรูของไม้อย่างเช่นแมลงได้ดี ไม้สักทองที่มีอายุมากๆ จะมีสีเหลืองแก่ และเหมาะกับการนำมาเลื่อย ไสกบ ตกแต่ง และขัดเงา แต่ไม่เหมาะกับการใช้งานหนักหรือบ่อยครั้ง เช่น การปูพื้นภายในห้องพระหรือห้องนอน
  • ไม้มะค่า : เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีความหนาแน่น ทนทาน และมีลวดลายชัดเจน เหมาะสำหรับใช้ปูพื้นและเฟอร์นิเจอร์ แต่ไม่ควรนำไปใช้ปูภายนอกอาคาร เนื่อไม้มะค่ายังมีความทนต่อปลวกและมอดได้ดี แต่อย่าให้โดนแดดเพราะจะทำให้สีไม้ไม่สวยงาม
  • ไม้แดง : เป็นไม้เนื้อแข็งที่มีสีออกน้ำตาลแดง มีความแข็งแรงและยืดหดตัวสูง ใช้ก่อสร้างงานที่อยู่ภายนอกอาคาร เช่น พื้นระเบียง ฝาบ้าน ฝ้าชายคา และรั้วไม้ และยังต้านทานไฟได้ด้วย
  • ไม้ตะเคียน : เป็นไม้ที่นิยมใช้สร้างบ้านโดยเฉพาะไม้ตะเคียนทองเนื่องจากมีสีเหลืองออกทอง แต่หากถูกแสงแดดก็จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่ต้องสัมผัสกับแดดและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เนื้อไม้ตะเคียนยืดหดตัวน้อยและทนต่อปลวกและแมลงกัดกินได้อย่างดี สามารถนำมาใช้ปูพื้นภายในบ้าน ฝาบ้าน หรือเป็นไม้ระแนงได้

สำหรับวัสดุของบ้านในกรณีที่เป็นไม้ล้วน การดูแลถือเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยการเลือกใช้วัสดุไม้ควรเลือกใช้ไม้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะกับบ้าน หรือสภาพอากาศแวดล้อมของบ้าน โดยปัญหาปลวกถือเป็นปัญหาหลักสำหรับบ้านไม้ รวมถึงเรื่องของความชื้น หรือความร้อนของแดด ซึ่งอาจจะทำให้สีไม้เปลี่ยน หรืออาจทำให้ไม้บางชนิดเกิดอาการหดบวม โดยที่เห็นได้ทั่วไปก็จะเป็นบานประตูหรือบานหน้าต่างไม้ รวมถึงสำหรับบานหน้าต่างก็อาจจะเกิดปัญหาน้ำรั่วตามมาภายหลังซึ่งหากเลือกใช้ไม้ผิดชนิด

เขียนโดย Con Mueangsak

โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save