บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ June 22, 2023
ปรับปรุงบ้าน ให้กลับมาเป็นบ้านใหม่นิยมทำกันมาโดยเฉพาะบ้านที่อยู่อาศัยมานาน ๆ วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างก็คงเริ่มมีเสื่อมสภาพ ทรุดโทรมหมดอายุการใช้งานไปตามกาลเวลา โดยเฉพาะสภาพภายนอกบ้านที่ผ่านศึก แดด ฝน มาเป็นเวลาแรมปี ทั้ง ๆ ที่ยังผ่อนบ้านไม่หมดเลยด้วยซ้ำ ครั้นจะไปดาวน์บ้านใหม่ก็เกรงใจเงินในกระเป๋า แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพียงแค่คุณรู้เทคนิคการตกแต่งต่อเติมบ้านด้วยการทาสีบ้านด้วยตัวเอง รับรองว่าคุณจะได้บ้านใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมอย่างแน่นอน แต่ก่อนที่จะเริ่มทาสีบ้านใหม่คุณควรรู้ก่อนว่าต้องมีกระบวนการ ขั้นตอน หรือเคล็ดลับการทาสีห้องอย่างไรบ้าง ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำกัน
ขจัดสีเก่าออกก่อนทาสีใหม่ก่อน ปรับปรุงบ้าน
ในทางปฎิบัติทั่วไปแล้วก่อนที่จะเริ่มทาสีบ้านใหม่ควรที่จะขจัดสีเก่าออกไปให้หมดก่อนเสมอทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นจะทำให้เกิดปัญหาการยึดเกาะของสีใหม่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สีเกิดการหลุดล่อนในภายหลังอีกด้วย ฉะนั้นการขจัดสีเก่าออกก่อนมีขั้นตอน ดังนี้
- ขูดสี : ก่อนที่จะเริ่มขูดสีจะต้องมีอุปกรณ์มาเป็นเครื่องมือช่วยด้วย นั่นก็คือ “เกรียง” ไว้ใช้สำหรับขูดสี และเกรียงสำหรับกบขูดสี การขูดสีจะเหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กไม่ใหญ่มาก ผิวงานเรียบ แต่ถ้าเกิดสีเก่าติดแน่นมาก อาจเริ่มจากการใช้กบขูดสีแบบฟันเลื่อยขูดผิวสีให้เป็นขุยก่อน แล้วตามด้วยกบขูดเรียบ จากนั้นก็ใช้กระดาษทรายขัดแต่งให้เรียบ
- พ่นด้วยความร้อน : ให้นำอุปกรณ์ที่เป็นเตาฟู่หรือตะเกียงฟู่ หรือจะใช้เป็นเปลวไฟพ่นสำหรับการเชื่อมก๊าชความร้อน เมื่อสีโดนความร้อนจะเกิดการพองตัว ย่นเหลว จากนั้นก็ให้ทำการขูดสีด้วยเกรียงขูดสีอีกครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดแรง และเวลาในการขูดสีแบบทั่วไปได้ดีกว่าเดิม
- สารเคมีลอกสี : เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่มีราคาแพง เพียงแค่ใช้น้ำยาเคมีมาทำการลอกสี จากนั้นก็นำเกรียงขูดสีมาขูดสีที่ยังตกค้างอีกครั้ง แต่วิธีนี้มีข้อควรระวังคือเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากสารเคมีดังกล่าวค่อนข้างจะอันตรายต่อผิวหนังเป็นอย่างมาก ดังนั้นก่อนเริ่มทำงานจะต้องสวมใส่ถุงมือให้มิดชิดด้วยทุกครั้งรวมทั้งหาที่ครอบจมูกมากั้นกลิ่นสารเคมีจะได้ไม่สูดดมเข้าไป
ปรับปรุงบ้าน ในกรณีที่ต้องการทาสีใหม่ทับสีเดิม
- พิจารณาพื้นผิวเดิม : กรณีที่จะทาสีบ้านใหม่ ด้วยการไม่ขูดสีเดิมออกก่อน สามารถทำได้เช่นกัน แต่ต้องตรวจเช็คสภาพสีเดิมก่อน ว่ายังมีสภาพดี ไม่หลุดลอก แค่มีความหม่นหมองก็ให้ทำการล้างพื้นผิวผนังสีบ้านออกใหม่ให้สะอาด จากนั้นก็รอให้พื้นผิวแห้งสนิทเสียก่อน อาจทิ้งระยะเวลาไว้พอสมควร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศประกอบด้วย เมื่อแห้งดีแล้วก็สามารถทาสีทับได้ทันที โดยไม่ต้องทาสีรองพื้นก่อน ส่วนข้อควรระวังก็คือ การใช้ทินเนอร์ เพราะทินเนอร์มีคุณสมบัติต่อการละลายของสี อาจส่งผลให้สีเดิมเกิดการย่นพองตัวได้ หากว่าเกิดลักษณะนี้ขึ้นก็ต้องขูดสีเพื่อเคลียร์ผนังให้เกลี้ยงเสียก่อน
- พื้นผิวเดิม ไม่พร้อม : มีสีหลุดลอก เมื่อเกิดกรณีเช่นนี้จะไม่สามารถทาสีทับได้ทันที จำเป็นต้องขจัดสีเดิมออกให้หมดเสียก่อน โดยสามารถดูข้อมูลการขจัดสีเก่าจากข้างต้น
เตรียมความพร้อมของพื้นผิวก่อนเริ่มทาสี
- พื้นผิวผนังปูนฉาบ ผนังคอนกรีต : กรณีที่พื้นผิวผนังชำรุด จำเป็นต้องซ่อมแซมก่อนเสมอและทำความสะอาดบริเวณดังกล่าว แต่ถ้าพบรอยแตกร้าว รอยเจาะ ควรทำการโป้วด้วยปูนทรายหรือยิปซัมพลาสเตอร์ ด้วยการใช้เกรียงโป้วสี หรือเกรียงใบโพธิ์ กดอัดแต่งผิวให้เรียบเสียก่อน แต่ถ้าหากว่ารอยแตกร้าวนั้นมีความกว้างประมาณ 1-2 นิ้ว ยาวตลอดและยังมีรอยแยกลึกเท่าความหนาเดิม ให้พรมน้ำให้ชุ่มจากนั้นก็ทำการฉาบปูนทับ แล้วรอจนกว่าจะแห้งจึงสามารถทาสีใหม่ทับไปได้
- พื้นผิวไม้ : ในที่นี้ อาจนำไปประยุกต์ใช้กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ชนิดอื่นด้วยก็ได้ ส่วนวิธีการคือเริ่มจากการทำความสะอาดผิวไม้ก่อน แต่ถ้าผิวไม้มีการชำรุดให้โป้วอุดด้วยขี้เลื่อยผสมกาวลาเท็กซ์ นำเกรียงขูดสีแต่ให้เรียบ ทิ้งให้แห้งแล้วใช้กระดาษทราย ขูดผิวให้เรียบอีกครั้ง ซึ่งระหว่างที่กำลังดำเนินการอยู่อาจจะต้องสังเกตร่องรอยชำรุดด้วย หากยังคงพบว่ามีรอยอยู่ก็ให้กลับเข้าสู่ขั้นตอนเดิม นั่นคือการอุดรอยตำหนิด้วยขี้เลื่อยผสมกาวลาเท็กซ์
- พื้นผิวโลหะ : กรณีผิวโลหะ ให้ทำการตรวจสอบทุกซอกทุกมุมให้ดี โดยเฉพาะบ้านที่โดนน้ำท่วมมาก่อน ปัญหาที่ตามมาก็จะเป็นเรื่องของโลหะที่มักจะขึ้นสนิมซึ่งหากเกิดสนิมขึ้น ให้ทำการใช้น้ำยาขัดสนิมแล้วขัดด้วยกระดาษทรายจนสนิมออกจนหมด ดูเรียบแวว ถึงจะสามารถทาสีทับลงไปอีกที
ปรับปรุงบ้าน ให้ดูเหมือนใหม่ด้วยเทคนิคทาสี และการเลือกสีทาบ้าน
การปรับปรุงบ้านเก่าด้วยการทาสีผนังเป็นขั้นตอนสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงบ้านเดิมเพื่อให้ตอบสนองต่อความทันสมัยและความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ซึ่งการทาสีใหม่บนผนังนั้นเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด นอกจากเทคนิคการทาสีบ้านด้วยตัวเองแล้ววันนี้ก็ยังมีเทคนิคทาสีที่ง่าย ๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้อีกด้วย และที่สำคัญการเลือกสียังเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความกว้างให้กับห้องต่าง ๆ ได้เช่นกันอีกด้วย หากคุณเลือกสีที่เหมาะสมและถูกต้องก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกและสร้างบรรยากาศที่เพียบพร้อมได้ ด้วยคำแนะนำและเทคนิคที่ถูกต้องในการทาสีเหล่านี้ เชื่อว่าจะช่วยทำให้การปรับปรุงบ้านของคุณดีขึ้นได้อย่างแน่นอน มาดูกันเลยว่าจะมีเทคนิคอะไรบ้าง
เทคนิคทาสีบ้านง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
การทาสีบ้านเองอาจเป็นเรื่องยากและเสียเวลา แต่ถ้ามีเคล็ดลับที่ดีงาม งานก็จะสนุก ง่ายขึ้น และยังได้ผลงานที่สวยถูกใจอีกด้วย ซึ่งเทคนิคการทาสีบ้านด้วยตัวเอง คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. ห่อหุ้มถาดสีก่อนทา : การใช้ถาดสีบ่อย ๆ อาจทำให้สีเก่าติดและไม่สะอาด แต่สามารถแก้ไขได้โดยการใช้กระดาษฟรอยด์ห่อหรือถุงพลาสติกขนาดใหญ่เพื่อป้องกันการติดสี เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็แกะทิ้งได้เลย
2. ใช้ฝาพลาสติกกันสีไหล : การใช้แปรงทาสีบนผนังสูง ๆ อาจเจอปัญหาสีไหลลงมาจากแปรงเลอะเทอะ แต่การใช้ฝาพลาสติกก็สามารถเจาะเพื่อใส่แปรงเข้าไปแล้วนำมาใช้เป็นตัวกั้นสีได้
3. การป้องกันไม่ให้สีย้อย : เมื่อทาสี บริเวณขอบกระป๋องมักจะทำให้สีย้อยออกมาเลอะเทอะ วิธีแก้ไขง่าย ๆ คือ ใช้ลวดไม้แขวนเสื้อตัดดัดให้พอดีกับปากกระป๋องเพื่อที่จะได้นำแปรงไปปาดสีได้ง่าย
4. ห้ามให้สีโดนลมนานหรืออากาศนานๆ : เมื่อกำลังทาสีและเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ควรป้องกันไม่ให้สีโดนอากาศหรือลม โดยใช้เคล็ดลับง่าย ๆ คือใส่แปรงทาสีในถุงพลาสติกแล้วมัดปากถุงให้แน่น
5. แปะเทปกาวกันเลอะ : การใช้เทปกาวแปะบริเวณรอยต่อขอบที่ไม่ต้องการให้โดนสี แล้วดึงออกเมื่อสีแห้งสนิท ถ้าดึงออกยากให้ใช้คัตเตอร์หรือไดร์เป่าผมช่วย หรือสามารถใช้ของใกล้เคียงแทนได้ เช่น ปฎิทินตั้งโต๊ะมากั้นสี หรือใช้ที่ตักขยะแทนได้
6. การทาไม่ให้เลอะลูกบิดประตู : นำกระดาษฟอร์มหุ้มลูกบิดประตูไว้เพื่อช่วยให้สะดวกในการทาสี ทำให้ไม่ต้องแกะลูกบิดออกไปก่อน
7. การทาในซอกหลืบ : ใช้ฟองน้ำบาง ๆ สำหรับใช้ทาสีแล้วมัดติดกับแผ่นไม้ด้วยเทปพันเข้าไปตรงด้ามจับ จะช่วยให้การทาสีบ้านสะดวกขึ้น เช่น การทาบริเวณซอกหลังตู้หรือหลังคอมเพรสเซอร์แอร์ ที่ติดตั้งเกือบชิดผนังและยากต่อการเข้าถึง
เทคนิคการทาสีใหม่ในห้องเล็กๆ เพื่อให้ดูกว้างและสวยงามขึ้น
การทาสีใหม่เป็นวิธีง่ายและประหยัดที่ช่วยให้ห้องเล็ก ๆ ดูกว้างขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับการทาสีห้องอื่น ๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทาสีบ้านแนะนำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิมดังนี้
เลือกใช้สีทาห้องในโทนอ่อน
การเลือกใช้สีทาห้องโทนอ่อนจะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นและมีความเป็นระเบียบสม่ำเสมอกว่าการใช้สีทาในโทนเข้ม โทนสีเข้มมักจะเต็มไปด้วยความมืด ส่งผลให้ห้องดูแคบและอึดอัด ในขณะที่โทนสีอ่อนช่วยเพิ่มความโปร่งแสงและความสดชื่นให้กับห้อง โดยเฉพาะโทนสีเย็น เช่น สีเขียวอ่อน สีฟ้าอ่อน สีครีม หรือสีขาว เนื่องจากสีเหล่านี้สะท้อนแสงสว่างได้อย่างดี
สร้างมิติให้กับห้องโดยเลือกทาสีสลับ
การทาสีเข้มในห้องนอนช่วยเพิ่มมิติและความลึกให้กับห้อง คุณสามารถใช้เทคนิคนี้ได้โดยการทาสีเข้มบนผนังด้านในหรือด้านที่แคบกว่า เพื่อสร้างความรู้สึกของห้องดูลึกและมีมิติมากขึ้น คุณสามารถลองใช้เทคนิคการไล่เฉดสีจากเข้มไปหาอ่อนเพื่อให้ห้องเกิดความลึกมากขึ้นได้ เช่น การใช้สีน้ำที่มีความเข้มสูงในพื้นหรือบริเวณใกล้ชิดกับพื้น และลดความเข้มลงเรื่อย ๆ เมื่อไปใกล้ผนังหรือบริเวณที่อยู่ใกล้กับสายตา ในการทาสีควรเลือกใช้สีน้ำเนื่องจากสามารถสร้างความละเอียดและมีความพลิ้วไหวได้ดีกว่าสีประเภทอะคริลิค
เพิ่มลวดลายบนผนัง
การเพิ่มลวดลายสีผนังสามารถช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้นได้ โดยคุณสามารถใช้ลวดลายสีผนังที่มีการเน้นเทคเจอร์และสีประเภทอะคริลิค เพื่อดึงดูดสายตาและสร้างจุดเด่นให้กับห้อง
ในการปรับปรุงบ้านเก่าเพื่อให้ดูเหมือนใหม่อีกครั้ง การทาสีและการเลือกสีทาบ้านเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณสร้างความรู้สึกพิเศษและความเป็นเจ้าของในบ้านของคุณได้อย่างเต็มที่ ที่สำคัญการทาสีบ้านใหม่ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นักคุณสามารถทำเองก็ได้ด้วยการใช้วันหยุดติดกันหลาย ๆ วัน ชวนลูก ๆ มาช่วยกันทาสี จะได้เป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัวพร้อมกับการมีส่วนร่วมเลือกสีสันที่แต่ละคนชื่นชอบ หรือจะตกแต่งศิลปะให้กับบ้าน วาดลวดลายเข้าไป เพียงเท่านี้บ้านของคุณก็จะกลายเป็นบ้านใหม่ที่สวยงามสดใสแถมยังมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครอีกด้วย
โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon