เคล็ดลับ ทำบ้าน ที่ประหยัดงบและไม่ทำให้งบบานปลาย

บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ September 21, 2023

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เวลาเห็นแบบบ้านสวย ๆ ก็อยากที่จะสร้างบ้านหรือตกแต่งบ้านให้สวยแบบนั้นบ้าง แต่ไม่แน่ใจว่า ทำบ้าน ต้องใช้งบประมาณในการสร้างหรือต่อเติมตกแต่งเท่าไหร่ เพราะจากการสอบถามข้อมูลแต่ละที่ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมา บริษัทรับสร้างบ้าน หรือการตกแต่งบ้านกับบริษัท การประเมินงบประมาณในการสร้างบ้านแต่ละประเภทก็ไม่เท่ากัน บางที่อาจจะสูงกว่าหรือต่ำกว่า ซึ่งเรามาดูกันดีกว่ารายละเอียดข้อควรรู้ก่อนต่อเติมบ้านและข้อแตกต่างของราคาสร้างบ้านเกิดจากปัจจัยอะไรบ้างคะ

---

เคล็ดลับการ ทำบ้าน ที่ช่วยให้ประหยัดงบและไม่ทำให้งบบานปลาย

1.สถานที่ก่อสร้าง

นับได้ว่าเป็นปัจจัยอันดับแรก ๆ ที่มีผลกระทบต่อการประเมินราคา แม้ว่าขนาดบ้านเท่ากัน เลือกวัสดุก่อสร้างเหมือนกัน หากสถานที่แตกต่างกันก็ส่งผลให้ราคาบ้านแตกต่างกันได้เช่นกัน อาทิเช่น สร้างบ้านในเชียงใหม่ กับ สงขลา 2 จังหวัดนี้ถือว่าเป็นจังหวัดใหญ่พอ ๆ กัน แต่ค่าครองชีพ, ค่าแรง หรือค่าวัสดุก่อสร้างสงขลาแพงกว่าเชียงใหม่ บ้านที่สร้างที่สงขลาย่อมแพงกว่าอย่างแน่นอน หรือแม้กระทั่งในจังหวัดเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องเท่ากันเสมอไป เช่น บ้านนายข. อยู่ชานเมือง ผู้รับเหมาสามารถขนส่งวัสดุอุปกรณ์ได้สะดวก และยังมีพื้นที่เหลือพอให้คนงานสร้างบ้านพักชั่วคราวได้ ส่วนนาย ค.บ้านอยู่ในตัวเมืองการขนส่งวัสดุก่อสร้างชิ้นใหญ่ ๆ อย่างพวกเสาเข็มก็ลำบาก ไหนจะมีพื้นที่จำกัดสร้างบ้านพักให้คนงานก็ไม่ได้ ผู้รับเหมาก็ต้องไปเสียค่าใช้จ่ายเช่าบ้านให้คนงานอยู่อาศัยซึ่งผู้รับเหมาอาจจะมาบวกส่วนนี้เข้ากับงบสร้างบ้านของเราด้วยก็ได้

---

2.วัสดุก่อสร้าง  

ที่เป็นชนิดเดียวกัน วัตถุดิบต่างกัน ยี่ห้อต่างกัน ลวดลายแตกต่างกัน แน่นอนอยู่แล้วว่าราคาก็ย่อมจะแตกต่างกันออกไป หากเป็นอุปกรณ์ที่ชิ้นไม่ใหญ่มากก็ยังคงไม่เห็นข้อแตกต่างมากนัก แต่ในการสร้างบ้านแล้วมีความจำเป็นต้องซื้อวัสดุก่อสร้างที่มีปริมาณมาก ๆ เช่น กระเบื้องปูพื้น ปัจจุบันในตลาดมีการผลิตออกมาหลายเกรดราคาต่อตารางเมตรก็จะหลากหลายขึ้น ในพื้นที่ขนาด 1 ตารางเมตรเท่ากัน กระเบื้องบางรุ่นจะมีราคาตารางเมตรละร้อยกว่าบาท ในขณะที่บางรุ่นราคาสูงถึงตารางเมตรละ 300-400 บาท เมื่อนำส่วนต่างเหล่านี้ไปคูณกับจำนวนพื้นที่ทั้งหมด ก็จะเห็นได้ว่ามีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันมาก บางทีอาจจะมากกว่าเป็นเท่าตัวเลยก็ได้

---

3.ฝีมือของผู้รับเหมา

ไม่ว่าจะบริษัทรับสร้างบ้าน ผู้รับเหมาก่อสร้างทั่วไป หรือแม้แต่ช่างตามชนบท ก็ย่อมมีฝีไม้ลายมือที่แตกต่างกันออกไป บางรายจะเน้นงานละเอียด งานประณีต มีประสบการณ์หรือผลงงานการันตีเป็นอย่างดีก็อาจจะคิดราคาที่แพงขึ้น บางรายฝีมือหยาบ ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ก็จะคิดค่าจ้างที่ถูกลงมา  ดังนั้นการการเลือกผู้รับเหมาต่อเติมที่จะวัดว่าผู้รับเหมาบริษัทนี้ดีหรือไม่ คิดราคาถูกหรือแพง ก็ไม่สามารถตัดสินได้ ต้องเข้าไปดูที่เนื้องานควบคู่กันไปด้วย

---

4.ปัจจัยอื่น ๆ

นอกจากทั้ง 3 ข้อที่เป็นส่วนสำคัญหลัก ๆ ในการประเมินความแตกต่างของงบประมาณในการสร้างบ้าน แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกที่จะทำให้เกิดงบบานขึ้นได้ ทั้งสิ่งแวดล้อม เช่น สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ฝนตก น้ำท่วม ความล่าช้าของการทำงาน ช่างก่อสร้างมีปัญหา เป็นต้น

---

วิธีการแก้งบ ทำบ้าน บานปลาย

เมื่อเราได้ทราบถึงสาเหตุที่จะส่งผลทำให้งบประมาณในการสร้างบ้านของเราบานปลายออกไปจากที่ตั้งไว้ คราวนี้เราลองมาดูกันว่าแล้วเราจะแก้ปัญหางบบานปลายได้อย่างไรคะ

---

1.ตั้งงบเผื่อสำรอง

เพราะเวลาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างหรือบริษัทรับสร้างบ้านเสนอราคาค่าก่อสร้างแน่นอนว่าต้องเสนอราคาที่ถูกลงมา เพราะต้องการเอาใจและอยากได้ลูกค้าอาจจะบอกไม่หมด พอเจ้าของบ้านสอบถามก็มักจะใช้คำพูดที่ว่า “ค่อยว่ากัน” อยู่เสมอ ซึ่งมีน้อยรายมากที่จะเสนอราคามาแบบตรงไปตรงมา ฉะนั้นเราเองจึงจำเป็นต้องตั้งงบเผื่อไว้เล็กน้อย เช่น ผู้รับเหมาตีราคาการสร้างบ้านไว้ที่ 1.5 ล้านบาท เราก็เผื่องบอีก 5 แสนก็คือตั้งไว้ที่ 2.0 ล้านบาท ทั้งนี้ก็ต้องดูราคาที่สมน้ำสมเนื้อด้วยว่า ราคาที่ผู้รับเหมาเสนอมาเมื่อมาคำนวณคร่าว ๆ มีความเป็นไปได้หรือไม่เป็นองค์ประกอบด้วย

---

2.ตกลงให้ชัดเจน

พื้นฐานพฤติกรรมของคนไทยส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยที่ขี้เกรงใจตอนที่คุยกันครั้งแรกจะไม่กล้าที่จะเอ่ยปากหรือตกลงกันให้ชัดเจน พอเกิดปัญหาจึงมาเถียงกันภายหลัง ซึ่งฝ่ายที่แพ้ก็จะตกเป็นของฝ่ายเจ้าบ้านโดยเสมอ เพราะถ้าเราไม่ทำสัญญาระบุข้อตกลงลงไปมีความเป็นไปได้ที่ผู้รับเหมาจะหนีงาน หรือซื้อวัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้ตามมาตรฐานมาทำให้บ้านของเรา เมื่อเราไปเรียกร้องก็ไม่มีสัญญาไปยื่นเป็นหลักฐาน ยิ่งถ้าเป็นปัญหาที่ผู้รับเหมาทิ้งงานไป เมื่อไปว่างจ้างผู้รับเหมารายใหม่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรับงานต่อเพราะไม่อยากที่จะมาสะสางปัญหาหรือถ้ารับก็จะคิดค่าจ้างในราคาที่แพงกว่าโดยปกติ ทำให้เจ้าของบ้านจะต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนสองต่อ และเพิ่มเกิดงบประมาณที่บานปลายออกไปอีก

---

หลักการวางแผนและควบคุมงบประมาณทำบ้าน

การวางแผนและควบคุมงบประมาณเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการ ทำบ้าน เพื่อให้การสร้างหรือต่อเติมสำเร็จตามวัตถุประสงค์โดยไม่ต้องเสียเงินเกินกว่าที่จำเป็นต้องใช้ นอกจากเคล็ดลับการทำบ้านที่ช่วยประหยัดงบได้แล้ว การเลือกผู้รับเหมาที่ดีก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณามากที่สุด เพราะผู้รับเหมาที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดขึ้นมาได้ นอกจากนี้ ยังมีวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถประหยัดงบประมาณได้อีก อย่างเช่น มีการวางแผนการทำงานอย่างมีระบบ มีการประเมินความเสี่ยงและการจัดการความเสี่ยงในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด และมีการศึกษาข้อควรรู้ก่อนสร้างหรือต่อเติมพร้อมตรวจสอบรายจ่ายอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยปรับปรุงและประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างได้ หากคุณอยากรู้เคล็ดลับการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างที่ดีหรือสิ่งที่ควรรู้ก่อนต่อเติม อ่านรายละเอียดต่อได้ด้านล่างนี้

---

ขั้นตอนการเลือกผู้รับเหมาสร้างบ้านไม่ให้งบบานปลาย

การเลือกผู้รับเหมาสำคัญต่อการสร้างบ้านไม่ให้งบบานปลายมาก ดังนั้น การเลือกผู้รับเหมาต่อเติมที่ดีจะต้องมีการวางแผนและควบคุมความเสี่ยงได้อย่างมีคุณภาพ โดยมีข้อที่ควรพิจารณาเลือกและขั้นตอน ดังนี้

• การเลือกผู้รับเหมาที่ดีที่สุด ควรพิจารณาผู้รับเหมาหลายเจ้าและดูผลงานที่ผ่านมาหรือถามคนที่เคยใช้บริการ ซึ่งการเลือกผู้รับเหมาที่มีบริษัทเป็นหลักจะติดตามงานได้สะดวกกว่า
• มีการทำหนังสือสัญญาให้ชัดเจนเพื่อป้องกันข้อพิพาทในภายหลัง ควรระบุรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น ขอบเขตของงานที่จะให้ผู้รับเหมาทำ เงื่อนไขอัตราค่าจ้าง การรับประกันผลงาน และการว่าจ้างว่าเป็น “จ้างเฉพาะค่าแรง” หรือ “จ้างเหมาเบ็ดเสร็จ”
• การจัดทำใบ Bill of Quantity (BOQ) เหมาะสำหรับงานขนาดใหญ่เพื่อใช้ในการตรวจสอบงานและควบคุมราคาก่อสร้าง สำหรับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อเติมไม่จำเป็นต้องทำ BOQ
• ระบุเงื่อนไขการชำระเงินให้ชัดเจนและแบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ตามเนื้องาน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกเชิดเงินหนีหรือทิ้งงานก่อนกำหนด
• มีการสุ่มตรวจสอบการก่อสร้างในช่วงเวลาต่าง ๆ เช่นก่อนเที่ยงคืนหรือวันหยุดจะช่วยป้องกันการผิดพลาดและการโกงค่าวัสดุได้
• จ้างบริษัทรับตรวจบ้านที่มีความรู้และชำนาญเพื่อตรวจสอบบ้านให้ละเอียด และมั่นใจได้ว่าบ้านจะตรงตามแบบและเป็นบ้านในฝันของคุณอย่างแท้จริง

---

ข้อควรระวังก่อนต่อเติมหรือทำบ้าน

การต่อเติมบ้านส่วนมากจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าของบ้านต้องการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยหรือปรับปรุงบ้านให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น โดยบ้านที่ต้องการต่อเติมสามารถเป็นบ้านเก่าหรือบ้านใหม่ที่ยังไม่ได้ตกแต่งให้เสร็จสมบูรณ์ แต่การต่อเติมบ้านนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากจะต้องมีการวางแผนและคำนวณทุนการต่อเติมอย่างละเอียด ดังนั้นมาลองรู้จักข้อควรรู้ก่อนต่อเติมบ้านกันดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง

1. รู้จักโครงสร้างบ้าน

การรู้จักโครงสร้างบ้านเก่าเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจว่าจะต่อเติมได้หรือไม่ ซึ่งโครงการบ้านจัดสรรใหม่มักใช้ระบบก่อสร้างสำเร็จรูปทำให้ไม่สามารถต่อเติมหรือเข้าไปยุ่งกับโครงสร้างเดิมได้

2. วางแผนต่อเติมอย่างรอบคอบ

การต่อเติมบ้านอาจเกิดการแตกร้าวของผนังเก่าและผนังใหม่ การวางแผนต่อเติมบ้านอย่างรอบคอบจะช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังจากการต่อเติมบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว

3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อเติม

เจ้าของบ้านควรปรึกษาวิศวกรหรือสถาปนิกเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของแบบบ้านและการต่อเติม โดยควรเลือกวิธีการต่อเติมที่ไม่กระทบกับโครงสร้างบ้าน เพื่อป้องกันความไม่ปลอดภัยในการอยู่อาศัย และการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญยังช่วยให้เจ้าของบ้านปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องอีกด้วย

4. รู้กฎหมายต่อเติม

เจ้าของบ้านที่ต้องการต่อเติมบ้านควรขออนุญาตจากหน่วยงานท้องถิ่นและศึกษากฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร เพื่อประโยชน์ในเรื่องความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและเพื่อนบ้าน เพราะหากมีปัญหาในขั้นตอนดำเนินการหรือภายหลังการต่อเติมอาจเกิดการฟ้องร้องและส่งผลกระทบหลายอย่าง

---

การสรุปปัญหาที่ได้รับการรวบรวมมาในข้อความข้างต้นนี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญของการควบคุมงบประมาณในการก่อสร้างบ้านได้อย่างชัดเจนมากขึ้น โดยคุณจะต้องพิจารณาปัจจัยทั้งหมดที่อาจส่งผลต่อการก่อสร้างบ้าน เช่น พื้นที่ที่ต้องการสร้างบ้าน การเลือกวัสดุก่อสร้าง ราคาวัสดุ แรงงาน และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างบ้าน ด้วยการวางแผนการใช้งบประมาณในการก่อสร้างบ้านอย่างรอบคอบ ผู้สร้างบ้านจะสามารถควบคุมงบประมาณในการก่อสร้างบ้านได้ตามเป้าหมายและไม่บานปลายออกไป เพราะการก่อสร้างบ้านเป็นการลงทุนใหญ่ที่สำคัญของชีวิต ดังนั้นการควบคุมงบประมาณในการก่อสร้างบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญและควรพิจารณาอย่างละเอียดก่อนการดำเนินงาน เพื่อให้ได้รับประโยชน์และความพึงพอใจในการก่อสร้างบ้านของตนเองอย่างสูงสุด