ถมดินสร้างบ้าน 9 ข้อต้องรู้ก่อนจะเริ่มถม
สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่วางแผนก่อนจะเริ่มสร้างบ้านคือการถมดินเพื่อให้พื้นบ้านสูงกว่าระดับที่ดินโดยทั่วไป โดยมีจุดประสงค์สำคัญคือต้องการป้องกันน้ำท่วมและรองรับการสร้างถนนใหม่ รวมทั้งช่วยเสริมฮวงจุ้ยให้กับบ้านอีกด้วย ฉะนั้นการถมดินจึงเปรียบเสมือนปราการด่านแรกที่เกือบทุกบ้านจำเป็นต้องทำก่อนอย่างอื่น แต่ก่อนที่จะเริ่มถมดินคุณต้องรู้ก่อนว่าควรที่จะต้องเตรียมการอย่างไรคะ
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านต่อ โครงสร้างบ้าน กับ ความสำคัญของเสาและคาน
1.ความจำเป็นที่ต้องถมดิน
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้บ้านสร้างใหม่เกือบทุกหลังจะต้องถมดินก่อนที่จะเริ่มก่อสร้าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกบ้านจำเป็นที่ต้องผ่านการถมดินมาก่อน โดยเฉพาะสถานที่ที่ไม่ได้ต่ำกว่าระดับถนนมากเท่าไหร่นัก (แต่คุณต้องมั่นใจว่าจะไม่มีการปรับสร้างถนนใหม่ในภายหลัง) หรือพื้นที่ลาดชันลักษณะภูเขา การถมดินจึงอาจไม่จำเป็นเลยก็ได้ การถมดินจะเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ค่อนข้างมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมขัง กรณีที่คุณไม่ทราบควรมีการสอบถามประวัติเรื่องน้ำท่วมจากคนพื้นที่เสียก่อนว่าเคยมีน้ำท่วมหรือไหม หากเคยท่วม สูงที่ระยะประมาณเท่าไหร่ เพราะข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญต่อการตัดสินใจที่คุณจะสั่งดินมาถมพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม
2.ระยะที่ควรถมดิน
ตามหลักการสร้างบ้านที่ดีไม่ควรต่ำกว่าถนนแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรสูงกว่าถนนมากจนสูงโด่ง ดังนั้นสำหรับบ้านทั่วๆไปที่ไม่ต่ำกว่าถนนมากนัก จึงควรถมดินให้สูงกว่าถนนประมาณ 0.5 – 1 เมตรขึ้นอยู่กับพื้นที่และการออกแบบของบ้านแต่ละหลัง นอกจากการถมดินตามค่าเฉลี่ยแล้วอย่าลืมสังเกตเพื่อนบ้านใกล้เคียงด้วยว่าไม่ควรที่จะถมดินให้สูงกว่า จึงควรอยู่ที่ระดับเดียวกับเพื่อนบ้านไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหากับเพื่อนบ้านได้
คุณอาจสนใจบทความนี้ อ่านต่อ 4 ขั้นตอนที่คุณตองรู้ก่อนสร้างบ้านใหม่
3.เผื่ออนาคตดินเกิดยุบตัว
ในการถมดินแต่ละครั้งผู้รับเหมาจะทำการถมดินบดหน้าดินให้แน่น แต่พอระยะเวลาผ่านไปดินจะมีการทรุดตัวเสมอ ดังนั้นการถมดินที่ดีจึงจำเป็นต้องถมเผื่อไว้ด้วย เช่น ต้องปรับระดับให้สูงกว่าที่ดินเดิมไว้ประมาณ 60 เซนติเมตร ควรถมดินไว้ที่ 80 เซนติเมตรเพื่อที่จะได้เผื่อระยะของดินยุบตัวของดินด้วย
4.เดือนที่เหมาะกับการถมดิน
ตามความเชื่อของคนโบราณจะไม่นิยมสร้างบ้านเดือน 5 ถึงเดือน 8 เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ติดฤดูฝน หากมีการสร้างบ้านในช่วงเวลานี้อาจจะไม่สะดวกต่อการทำงานและเสียค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยทีเดียว เช่นเดียวกับการถมดินควรที่จะถมให้เสร็จก่อนช่วงฤดูฝน เพราะถ้าเป็นช่วงที่ฝนตก รถที่บรรทุกดินมาจะทำงานลำบาก ซึ่งจะทำให้ปัจจัยในการจ้างถมดินสูงขึ้น แต่ถ้าถมดินได้เสร็จก่อนหน้าฝน เมื่อเข้าฤดูฝน ฝนจะช่วยให้ดินแน่นขึ้น แถมในระยะนี้เราจะเห็นถึงการยุบตัวของดินได้อย่างชัดเจน การสร้างบ้านจึงควรเริ่มหลังจากหมดฤดูฝนไปแล้วอีกอย่างดินก็จะเริ่มแข็งตัวขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อการสร้างบ้านเป็นอย่างมาก
5.ชนิดดิน “ดินลูกรัง” หรือ “ดินดำ”
ก่อนที่จะถมดินถ้าไม่มีการตกลงกับผู้รับเหมาไว้ก่อน ผู้รับเหมาส่วนมากจะนำดินลูกรังมาถมให้ ซึ่งเป็นดินที่มาจากการขุดดินภูเขา ดินเหล่านี้จะเหมาะสำหรับการนำมาทำเป็นฐานในการสร้างบ้านมากกว่าแต่ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ปลูกต้นไม้ กรณีที่เจ้าของบ้านต้องการจัดสวนปลูกต้นไม้จึงต้องกำหนดขอบเขตของพื้นที่ที่ต้องการจัดเป็นสวนอย่างชัดเจนให้กับผู้รับเหมาด้วย จากนั้นก็บอกให้ผู้รับเหมาถมดินที่เป็นดินดำ (หน้าดิน) โดยดินดำที่นำมาถมนี้อาจจะเป็นดินนาหรือเจ้าของดินเดิมทำการขายหน้าดิน หรือต้องการขุดสระ เพราะดินเหล่านี้จะมีความสมบูรณ์มากกว่าพวกดินลูกรัง แต่ข้อเสียคือมีราคาสูงกว่าดินลูกรัง
6.ซื้อดินเป็นคันรถหรือเหมาจ่ายดีกว่า
การเลือกแบบเหมาจ่ายจะคุ้มที่สุดเพราะสามารถจบงานได้ง่าย งบไม่บานปลาย หากซื้อเป็นคันรถจะควบคุมมาตรฐานการตักดินได้ยาก โดยเฉพาะการตักดินแต่ละคันที่ไม่เท่ากันบางคันตักเต็มคันรถ หรือน้อยกว่าคันอื่น การซื้อเป็นคันรถจึงเหมาะกับงานเล็กๆที่ต้องการจำนวนดินที่แน่นอนเท่านั้น
7.ทำสัญญาก่อนว่าจ้างถมดิน
เรื่องนี้สำคัญเป็นอย่างมากในวงการก่อสร้างก่อนที่จะตัดสินใจว่าจ้างถมดินจึงต้องทำสัญญาว่าจ้างให้เรียบร้อย ด้วยการระบุทั้งประเภทดิน, จำนวนเหมากี่เมตร, ใช้ดินอะไร, มีผู้ควบคุมงานไหม, ระยะเวลาการดำเนินการ, การชำระเงิน, พร้อมลงชื่อทั้งชื่อผู้จ้างและผู้ว่าจ้าง เพราะกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดจะได้นำสัญญานี้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีได้
8.แบ่งจ่ายเป็นงวดดีที่สุด
ในกระบวนการก่อสร้างทุกประเภทควรมีการจ่ายเงินเป็นงวดเสมอ ผู้ว่าจ้างไม่ควรที่จะชำระก่อนล่วงหน้าทั้งหมดในครั้งเดียว เพราะอาจเกิดปัญหาตามมาทีหลัง เช่น งานล่าช้า ทิ้งงาน ผลงานไม่ได้ตามข้อตกลง แต่หากแบ่งชำระ แน่นอนว่าผู้รับเหมาก็จะเร่งดำเนินการให้เรียบร้อยเพื่อจะได้รับเงินในงวดถัดไป
9.ระยะเวลาที่สร้างบ้านหลังถมดิน
ขึ้นอยู่กับปัจจัยของพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน หากเป็นบ้านทั่วไปที่ถมดินประมาณ 0.5-1 เมตรพร้อมกับมีโครงสร้างตอกเสาเข็ม เมื่อหมดหน้าฝนหรือรดน้ำบดดินให้แน่นก็ดำเนินการสร้างได้เลย เพราะดินที่ถมไม่ต้องทำหน้าที่รับน้ำหนัก แต่หากบ้านที่ใช้ฐานแผ่การสร้างบ้านบนพื้นที่ที่มีดินแข็งแน่น หากเป็นดินถมใหม่อาจต้องใช้ระยะเวลานานหลายปี ทางที่ดีควรปรึกษาวิศวกรโยธาเพื่อสำรวจพื้นที่ก่อสร้างบ้านจะดีที่สุด