ติดผ้าม่าน เคล็ดลับการติดตั้งที่คนรักบ้านต้องรู้ !!
ติดผ้าม่าน มีส่วนช่วยอย่างมากในลดความร้อนจากแสงแดด เพราะในการก่อสร้างบ้านบางครั้งเจ้าของบ้านก็ไม่สามารถเลือกทิศทางของตำแหน่งห้องได้ ด้วยขนาดของพื้นที่หรือการวาง lay out ที่ค่อนข้างจำกัด ส่งผลให้บางห้องจะต้องเจอแดดกระทบเต็มๆยิ่งหากเป็นห้องนอน หรือ ห้องรับแขกด้วยแล้ว ทางแก้ไขที่ทำได้ก็คือการติดผ้าม่านเพื่อทำหน้าที่ป้องกันแสงแดด ช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้านและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยได้ นอกจากนั้นผ้าม่านยังทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบ้านทำให้บ้านดูสวยงามมากขึ้น แต่ใช่ว่าผ้าม่านทุกชนิดจะสามารถไปติดได้ทุกห้อง ม่านบางชนิดก็เหมาะกับห้องนอน บางชนิดก็เหมาะกับห้องน้ำ รวมทั้งการเลือกลวดลายให้เหมาะสมกับสีห้อง ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญเจ้าของบ้านควรรู้เพื่อที่จะได้เลือกให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานคะ ดังนั้น วันนี้เราจึงมีความลับการเลือกผ้าม่านกับ 4 ห้องภายในบ้านว่า ควร หรือ ไม่ควร ใช้ผ้าม่านแบบไหนดีค่ะ
คุณอาจสนใจบทความนี้ คลิกอ่านได้เลย 5 ไอเดียสุดเจ๋งทำฉากกั้นห้องแบบง่ายๆ
1.ห้องครัว (Kitchen)
สำหรับห้องครัวอย่างที่ทราบกันว่าเป็นส่วนที่ต้องเจอกับไฟ ควัน เศษอาหาร และคราบสกปรกเลอเทอะจากการทำอาหารที่เกิดขึ้นทั้งในขณะเตรียมและปรุงอาหารในทุกๆวัน ซึ่งโดยปกติจะไม่ค่อยนิยมติดผ้าม่านที่ห้องครัว เพราะติดเรื่องการทำความสะอาด อีกทั้งต้องทนความร้อนได้ด้วย
- ควร เพราะฉะนั้นถ้าหากต้องการติดผ้าม่านที่ห้องครัวจริงๆก็ควรเลือกใช้ผ้าม่านที่เนื้อผ้าเปื้อนยาก น้ำหนักไม่มากเกินไป เป็นผ้าม่านสั้นๆ สามารถแกะออกมาซักได้สะดวกแล้วติดตั้งกลับไปง่าย และที่สำคัญจะต้องทนต่อความร้อน เช่น ม่านม้วนซันสกรีน ซึ่งทำความสะอาดได้ ปรับระดับแสงตามการใช้งาน แถมมีฟังก์ชั่นกันเชื้อราและกันการลามของไฟ แม้ราคาจะค่อนข้างสูงแต่ก็ได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า
- ไม่ควร วัสดุผ้าม่านที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือม่านที่ติดไฟง่าย เช่น มูลี่ไม้ หรือผ้าม่านที่อมกลิ่นหรือฝุ่น ถอดซักยาก เนื้อหน้าอย่างพวกผ้าเนื้อกำมะหยี่หนาๆ แม้ว่าจะดูสวยงามและหรูหรา แต่ไม่เหมาะกับการใช้งาน รวมทั้งการใช้ม่านอลูมิเนียม เพราะไอระเหยจากน้ำมันจะเข้าไปจับสะสม ทำความสะอาดได้ยาก
2.ห้องนอน (Bedroom)
ห้องนอนคือห้องที่มีการใช้งานมากที่สุดในบ้าน อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าวันละ 6-8 ชั่วโมง เพราะใช้เป็นทั้งห้องพักผ่อนและทำกิจกรรมส่วนตัว จึงควรเน้นบรรยากาศที่ทำให้สามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
- ควร ผ้าม่านต้องมีคุณสมบัติในการกรองแสงได้ดี เพื่อให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว ไม่ถูกแสงรบกวนในช่วงขณะที่นอนหลับพักผ่อน จึงควรเลือกใช้ผ้าม่านแบบแบล็คเอาท์ (Blackout) ซึ่งเป็นผ้าแบบทึบแสงกันแดดได้ถึง 100% หรือผ้าม่านกันแสงดิมเอาท์ (Dim-out) ที่ช่วยกันทั้งแสงและความร้อน
- ไม่ควร ผ้าม่านที่มีลักษณะโปร่ง ผ้าโปร่ง เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะห้องที่มีการวางตำแหน่งหัวนอนติดผนังกระจกขนาดใหญ่ เพราะแสงและความร้อนจะเข้ามาภายในห้องได้มากกว่าปกติ ในช่วงเช้าแสงปริมาณมากจะส่องเข้ามาแยงตาทำให้นอนหลับไม่สบาย อีกทั้งยังไม่มีความเป็นส่วนตัว
3.ห้องนั่งเล่น หรือ ห้องรับแขก (Living Room)
เป็นอีกห้องหนึ่งที่มีความสำคัญของบ้าน ส่วนมากแล้วจะอยู่บริเวณด้านหน้าสุดซึ่งเป็นจุดที่ใครผ่านไปมาจะเห็นได้เด่นชัด การเลือกผ้าม่านจึงต้องมีความพิถีพิถันเป็นพิเศษ เพราะถือได้ว่าเป็นหน้าตาของทั้งบ้านและเจ้าของ
- ควร ควรติดม่านที่คุณสมบัติในการกรองแสง เน้นความเป็นส่วนตัวโดยไม่ปิดทึบมากจนเกินไป เลือกลวดลายผ้าม่านให้มีดีไซน์ที่เข้ากับโทนสีและสไตล์ของห้อง เช่น ถ้าตกแต่งห้องเป็นสไตล์วินเทจผนังสีครีม ก็อาจจะเลือกเป็นผ้าม่านลายดอกไม้สดใส หรือถ้าเป็นห้องที่มีขนาดเล็กก็ติดตั้งม่านแบบพับสีอ่อนๆที่ไม่กินพื้นที่ ถ้าต้องการให้สวยมากขึ้นก็ทำเป็นผ้าม่าน 2 ชั้นคือ ผ้าม่านกันแสงชั้นหนึ่ง และมีผ้าโปร่งๆอีกชั้น ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศให้กับห้องได้ดี สวยงาม
- ไม่ควร กรณีที่เป็นห้องขนาดเล็กไม่ควรเลือกผ้าม่านที่มีลายขนาดใหญ่ เพราะจะยิ่งทำให้ห้องดูแคบและชวนน่าอึดอัด เนื้อผ้าไม่ควรหนาและทึบแสงมากเกินไปจนแสงส่องเข้ามาไม่ได้ และไม่ควรเลือกผ้าม่านก่อนที่จะเลือกสีผนัง เพราะหากเลือกผ้าม่านที่สีสันขัดกับภาพรวมของห้องจะทำให้ดูไม่สบายตา สำหรับห้องรับแขกมักจะติดผนังประตูที่เป็นกระจกจึงไม่เหมาะกับม่านแบบม้วน เพราะจะทำให้บังวิวทิวทัศน์ด้านนอก
คุณอาจสนใจบทความนี้ คลิกอ่านได้เลย ไอเดียแต่งห้อง ให้บ้านสดใสสว่างขึ้นได้ด้วยตัวเอง
4.ห้องทำงาน (Working Room)
ห้องทำงานถือว่าเป็นห้องที่ต้องการสมาธิในการทำงานสูง และมีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ แต่ต้องมีแสงสว่างเพียงพอเพื่อช่วยถนอมสายตา การเลือกผ้าม่านจึงต้องดูฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก
- ควร เลือกผ้าม่านที่ควบคุมแสงจากภายนอกได้ดี ไม่ทึบแสง หรือ แสงเข้ามากเกินไป สามารถเปิดปิดสะดวก ส่วนใหญ่จะนิยมเป็นม่านมูลี่แบบปรับองศา ช่วยควบคุมปริมาณแสงเหมาะกับการใช้งานในแต่ละวัน ส่วนโทนสีก็เลือกตามภาพรวมของห้องหรือตามความชอบก็ได้
- ไม่ควร ใช้ผ้าม่านม้วนแบบโปร่งแสง เพราะแสงจะเข้ามาในห้องปริมาณมากเกินไป อีกทั้งยังทำให้ภายในห้องสะสมความร้อนและเกิดแสงรบกวนการใช้สายตาในขณะทำงาน ที่สำคัญไม่ควรเน้นผ้าม่านที่มีลวดลายหรือใช้สีหลายเฉด เพราะจะส่งผลต่อการทำงาน อาจทำให้เสียสมาธิได้
การเลือกผ้าม่านเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะหากใช้ผ้าม่านที่มีคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมกับห้อง อาจจะไม่ช่วยแก้ปัญหาให้กับบ้านของคุณได้เช่นกันค่ะ