ตกแต่งบ้านสวย กับข้อควรรู้ก่อนแต่งบ้าน ดีกว่าปล่อยให้บ้านพัง
ตกแต่งบ้านสวย เป็นสิ่งที่คนที่มีบ้านต่างวาดหวังว่าอยากให้ได้บ้านสวยงามตามที่ฝัน ดังนั้นการที่จะตกแต่งบ้านให้ออกมาโดนใจแบบพอเหมาะพอดีอาจจะดูเหมือนทำได้ง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ยิ่งไปกว่านั้นหากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นก็จะต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการมาซ่อมทีหลัง บางครั้งถึงกับต้องรื้อทิ้งและทำใหม่ ฉะนั้นเราควรต้องรู้ก่อนว่ามีอะไรที่เราต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดค่ะ
คุณอาจสนใจบทความที่เกี่ยวข้องนี้ คลิกดู การตกแต่งบ้าน ด้วยกระจก วางยังไงถึงจะถูกหลักฮวงจุ้ย
1.งานสี
การเลือกสีทาห้องก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะนอกเหนือจากการเลือกสีที่ชอบแล้ว เราต้องคิดถึงบรรยากาศของห้องที่เราต้องการใช้งานด้วย ประกอบกับการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จะนำมาใช้ก็ควรกำหนดเลือกไว้คร่าวๆ แล้วเลือกที่ใช้สีที่เหมาะสม ซึ่งหากยังไม่แน่ใจแนะนำว่าควรใช้สีพื้นธรรมดาที่สามารถหาเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งบ้านแบบเบสิก โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบเปลี่ยนสีห้องบ่อยๆการใช้สีแบบเบสิกจะทำให้เราใช้งานได้นาน
แต่ทว่าถ้าคุณเป็นคนขี้เบื่อไม่ชอบใช้อะไรซ้ำๆ ชอบการเปลี่ยนแปลงสีสันตามเทรนด์ เช่น นำโทนสีอุ่นและโทนเย็นมาผสมร่วมกัน หรือใช้สีพาสเทลในช่วงฤดูที่อากาศอบอุ่นเป็นต้น ทางที่ดีขอแนะนำว่าไม่ควรใช้สีแต่งห้องที่เกิน 3 สี และควรเลือกสีหลักแค่เพียงสีเดียว โดยนำสีอื่นมาเพื่อไว้ประกอบควบคุมโทนห้อง รวมทั้งการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ก็เช่นเดียวกันที่ควรใช้สีพื้น ซึ่งสามารถใช้ได้กับทุกผนังทุกสี เพื่อลดปัญหาการตกแต่งห้องลงไป
นอกจากนั้น ปัจจุบันยังมีเฉดสีให้เลือกมากมาย ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเลือกสีผิดพลาด และสีที่เห็นอาจจะไม่ใช่สีที่เป็นจริงในห้อง อันเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น วัสดุที่ทาทับ และ แสงที่ส่องเข้ามาจากภายนอก ดังนั้นก่อนที่จะทาสีทั้งห้อง จึงควรทดลองทาสีผนังลงบนพื้นที่เล็กๆ แล้วเปิดไฟเพื่อดูสภาพสีจริงเมื่อทาไปบนผนังพร้อมกับองค์ประกอบอื่นๆภายในห้อง เพราะหากไไม่ได้ตามที่ต้องการจะได้แก้ไขทันทีดีกว่าปล่อยไว้หรือทนใช้สีนั้นไปในภายหลัง
คุณอาจสนใจบทความที่เกี่ยวข้องนี้ คลิกดู การเขียนแบบบ้าน เคล็ด (ไม่ลับ)
2.งานแสง
เรื่องแสงสว่างภายในบ้านเป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ โดยเฉพาะบ้านที่ซื้อจากโครงการจัดสรร ที่เราไม่สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งของประตู หน้าต่างได้ แต่เราก็สามารถที่จะแก้ไขด้วยการเพิ่มเติมแสงสว่างในบ้านให้เหมาะสมกับการใช้งานได้ โดยการเลือกใช้แสงที่แตกต่างกันในแต่ละห้อง เช่น ในห้องน้ำควรเลือกใช้ไฟที่ให้แสงสว่างมาก, ห้องนอนใช้หลอดไฟที่ปรับหรี่แสงได้ และห้องเขียนหนังสือจัดตำแหน่งหลอดไฟให้เหมาะกับสายตา ส่วนปัญหาของการใช้แสงไฟมักจะประกอบไปด้วย
- การใช้หลอดไฟจำนวนน้อยเกินไป ทำให้ได้แสงไฟไม่เพียงพอต่อการใช้งาน
- การใช้ไฟแค่เพียงแหล่งเดียวในการให้แสง จะทำให้แสงกระจายได้ไม่ทั่วถึง
- การใช้หลอดไฟมากเกินไป ส่งผลทำให้เพดานห้องไม่สวยงาม และสิ้นเปลืองพลังงานรวมทั้งค่าไฟโดยไม่จำเป็น
- การใช้ไฟสว่างเกินไป จะทำให้แสบตาและบรรยากาศไม่เหมาะกับการพักผ่อนภายในบ้าน
3.งานม่าน
หลายบ้านมักพบปัญหาแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาจึงทำให้ต้องแก้ปัญหาด้วยการเลือกติดตั้งผ้าม่านเพื่อกันความร้อนและแสง รวมใช้เป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบ้าน โดยเฉพาะในห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นที่ไว้สำหรับต้อนรับแขก ยิ่งควรพิถีพิถันในการเลือกใช้ผ้าม่าน เพราะหากว่าเลือกผิดพลาดไม่เข้ากับห้องอาจต้องเสียเงินโละผ้าม่านแล้วซื้อใหม่ยกชุด
ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นซื้อหรือติดตั้งผ้าม่านให้คำนึงไว้ว่า การวัดความยาวของม่านที่จะนำมาใช้งานต้องเผื่อระยะไว้ติดเหนือขอบหน้าต่าง และพิจารณาภาพรวมของห้องถึงประเภทหน้าต่างที่ต้องการติดม่าน เพื่อที่จะได้เลือกซื้อผ้าม่านที่เหมาะสมอย่างถูกต้อง เช่น ม่านทึบแสง ม่านโปร่ง ม่านปรับแสงแบบแนวตั้ง หรือม่านปรับแสงแบบแนวนอน เป็นต้น
4.งานเฟอร์นิเจอร์
เฟอร์นิเจอร์ที่นำมาใช้ตกแต่งห้องมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ โซฟา ที่สามารถนำมาซึ่งปัญหาให้กับเจ้าของบ้าน ทั้งการนำเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่มาปรับปรุงใส่บ้านใหม่ หรือการหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ที่อยู่ในร้านก็ดูดี แต่พอมาใส่ห้องเรากลับดูไม่เข้ากันเสียอีก อีกทั้งปัญหาเรื่องขนาดของเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่สมดุลกับห้อง
ฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจนำเฟอร์นิเจอร์เข้ามาใช้งาน ควรวัดขนาดของห้องหรือพื้นที่ที่วางแผนจะตั้งเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้ดี ด้วยการเขียนแบบห้องที่จะตกแต่งไว้คร่าวๆ เพื่อจะได้เห็นภาพการใช้งานก่อน และอย่าลืมวัดขนาดของประตู บันได ที่จะต้องเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์เข้ามาด้วย เพราะอาจจะเกิดปัญหาไม่สามารถนำเฟอร์นิเจอร์เข้าไปจัดวางในห้องได้
ทั้งนี้จึงสรุปได้ว่าในการตกแต่งห้องทั้งของตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์ควรจะไปในทิศทางเดียวกัน โดยควรนำสีตัวอย่างของห้องไปเปรียบเทียบกับเฟอร์นิเจอร์ที่เราต้องการจะซื้อหรือลองของผ้าตัวอย่างของเบาะหุ้มมาเทียบสีดูกับบ้านว่าเข้ากันหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลายแอพพลิเคชั่นให้ได้ลองโหลดไปศึกษาก่อนเพื่อจะเป็นไอเดียก่อนที่จะตกแต่งจริงคะ อย่างไรก็ตามในการตกแต่งห้องก็ควรที่จะคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลัก โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องเรือนต่างๆ เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงก็คือเน้นความสะดวกสบายในการการใช้งานค่ะ