บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ July 25, 2023
ซ่อมบ้าน ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ พร้อมเคล็บลับการตรวจเช็คบ้านให้เป๊ะอยู่เสมอ
ซ่อมบ้าน ดูแลบ้านก็เปรียบเสมือนการดูแลรักษาร่างกายของคนมนุษย์ เมื่อมีการใช้เป็นระยะเวลานานๆย่อมมีวันเสื่อมหรือสึกหรอ ยิ่งถ้าขาดการดูแลเอาใจใส่ก็อาจทำให้บ้านทรุดพังลงมาก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยได้ ฉะนั้นเจ้าของบ้านเองควรที่จะหมั่นตรวจสอบทุกซอกทุกมุมของบ้านอยู่เสมอ เช่น สายไฟในบ้านจุดไหนที่ชำรุด, หลังคารั่ว, ท่อระบายน้ำมีสภาพตัน เพราะถ้าเรารู้ก่อนล่วงหน้าจะได้ดำเนินการซ่อมแซมได้ทัน แล้วยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นหากเราละเลยที่จะตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ ซึ่งวันนี้เราจะแนะนำเคล็ดลับในการตรวจสอบบ้านแบบง่าย ๆรวมทั้งการซ่อมแซมรักษาบ้านด้วยตัวเองมาฝากให้คุณลองนำไปประยุกต์ใช้กันดูค่ะ
1.พื้น ผนัง ต้องแข็งแรงพร้อมใช้งานทุกวัน
สำหรับเจ้าของบ้านแล้วการตรวจสอบและซ่อมแซมบ้านอยู่เสมอ โดยเฉพาะในส่วนของพื้นหรือผนังเพื่อหารอยร้าว จัดได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่ใช่น้อยเพราะมันเกี่ยวพันไปถึงโครงสร้างของบ้านด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากพบรอยร้าวภายในบ้านถ้ามีขนาดใหญ่ควรจะต้องรีบดำเนินการแจ้งช่างหรือผู้เชี่ยวชาญให้รีบเข้ามาตรวจสอบและซ่อมแซมบ้านในทันที แต่ถ้าเป็นเพียงรอยเล็กน้อยก็แค่นำคอนกรีตมาฉาบปิดที่บริเวณพื้นผิวให้เรียบเนียนก็ช่วยปกปิดได้แล้ว กรณีที่เป็นบ้านไม้ก็ควรที่จะต้องทาสีเคลือบดูแลเนื้อไม้เพื่อที่จะช่วยรักษาเนื้อไม้ให้มีอายุยืนยาว การหมั่นตรวจเช็คพื้นและผนังอยู่เสมอจะช่วยป้องกันปัญหาหาที่จะเกิดขึ้นกับโครงสร้างได้เป็นอย่างดี
2.ระบบไฟฟ้าพร้อมใช้งานเสมอ
เรื่องระบบไฟฟ้าเริ่มต้นควรจะตรวจสอบว่าหลอดไฟในบ้านทุกดวงพร้อมใช้งานหรือไม่ ถ้าพบว่ามีหลอดไหนขาดก็ควรดำเนินการเปลี่ยนหลอดไฟทันทีเพื่อให้ภายในบ้านจะได้มีแสงสว่างเพียงพอ นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญคือสายไฟตามจุดต่างๆภายในบ้านต้องหมั่นตรวจสอบให้บ่อยครั้งมากที่สุด เพราะอาจจะมีสายไฟที่ชำรุดเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอย่างไฟไหม้ได้ สำหรับสวิทช์ไฟที่อยู่นอกบ้านควรมีตัวกั้นน้ำป้องกันเวลาฝนตกป้องกันไฟช๊อตไว้ด้วย ขั้นตอนการตรวจสอบว่ามีไฟรั่วภายในบ้านหรือไม่ก็เพียงแค่คุณปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดแล้วไปเช็คที่มิเตอร์ไฟดูว่ายังหมุนหรือเปล่า ถ้ายังหมุนอยู่สันนิษฐานได้เลยว่าต้องมีส่วนไหนภายในบ้านที่เกิดไฟรั่วต้องเรียกให้ช่างเข้ามาดูแลซ่อมแซมเป็นการด่วน
3.หลังคาที่สมบูรณ์แบบ
หลังคาบ้านเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องหมั่นใส่ใจดูแลอย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าฝนที่อาจจะเกิดน้ำรั่วซึมเข้าสู่ตัวบ้านสร้างความเสียหายได้ ฉะนั้นเราจึงจำเป็นที่ต้องขึ้นไปตรวจบนหลังคาซึ่งวิธีการเดินบนหลังคานั้นคือต้องเดินบนโครงเหล็กของหลังคา จากนั้นก็ใช้ไฟฉายส่อง ถ้าพบว่ามีแสงลอดออกมาย่อมตีความหมายได้ว่ามีการรั่วซึมของหลังคาเกิดขึ้นแล้ว กรณีที่เจ้าของบ้านสามารถซ่อมแซมได้ก็ให้รีบดำเนินการ แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ในการซ่อมก็ควรเรียกช่างที่มีความชำนาญให้เข้ามาจัดการแทนจะดีกว่าจะได้ซ่อมจุดอื่นที่เรามองไม่เห็นไปด้วย
4.ท่อน้ำ ระบบประปา
บางบ้านต้องเสียค่าน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะสาเหตุมาจากมีน้ำรั่วซึมอยู่ภายในบ้าน ซึ่งบางทีเจ้าของบ้านอาจจะมองไม่เห็นเพราะมีท่อน้ำแตกอยู่ภายใน การหมั่นตรวจสอบอยู่เป็นประจำจะช่วยให้เราทราบและแก้ไขได้ทัน ส่วนวิธีการตรวจสอบก็คือปิดก๊อกน้ำทุกตัวที่อยู่ภายในบ้าน แล้วเช็คดูที่มิเตอร์ว่ายังหมุนอยู่หรือไม่ ถ้ายังวิ่งอยู่ก็เรียกช่างให้เข้ามาดำเนินการหารอยรั่วแล้วซ่อมแซมทันที แต่เรื่องระบบน้ำไม่ได้มีแค่ก๊อกหรือท่อน้ำเท่านั้น ยังรวมถึงระบบระบายน้ำด้วยเราที่เราควรตรวจสอบด้วยการเทน้ำลงไปบนจุดที่มีทางระบายน้ำว่าน้ำระบายได้ดีหรือเปล่า มีการอุดตันทำให้น้ำไหลลงช้าให้รีบซ่อมแซมทันที
5.ความปลอดภัยของหน้าต่างและประตู
ถ้าจะพูดถึงการรักษาความปลอดภัยให้กับสมาชิกในครอบครัวก็ต้องเริ่มจากประตูหน้าต่างเราจึงต้องหมั่นตรวจสอบเสมอ เช่น ดูว่าลูกบิคสามารถล็อคได้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถล็อคได้อาจจะเกิดจากหลายกรณี แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากรูรับเดือยล็อคที่วงกบไม่ตรงกับเดือยล็อค ซึ่งเราสามารถแก้ไขโดยการคลายตะปูเกลียวออกจากแป้นล็อค แล้วดูว่ารูรับเดือยกับแป้นตรงกันหรือยัง ถ้าตรงกันแล้วก็หมดกังวลเรื่องของลูกบิคไม่ล็อคไปได้
6.สีเสื่อมสภาพหมดอายุใช้งาน
สีที่ทาอยู่ตามผนังของบ้านพอเราใช้ไปนานๆก็จะเริ่มเสื่อมคุณภาพและผุกร่อนในที่สุดยิ่งสีที่ทาอยู่รอบนอกตัวบ้านจะยิ่งหมดอายุเร็วเพราะต้องโดนแดด โดนฝนอยู่ตลอดเวลาเป็นเวลาแรมปีทำให้สีดูไม่สวยงาม วิธีที่เราจะตรวจสอบว่าสีหมดอายุการใช้งานแล้วหรือยังก็แค่ใช้นิ้วปาดป้ายไปบนเนื้อสี ถ้าหากเจอว่าฝุ่นผงขาวๆติดนิ้วแสดงว่าสีเริ่มที่จะหมดอายุ แก้ไขโดยทำการขูดสีและทำความสะอาดผิวปูนทั้งหมดเมื่อปูนแห้งก็เริ่มการอุดซ่อมรอยแตกร้าวต่างๆด้วยสีโป้ว หลังจากนั้นก็ทาสีรองพื้นและทาสีบ้านเท่านี้คุณก็จะได้บ้านใหม่กลับมาอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งของเคล็ดลับที่จะดูแลรักษาบ้าน ซึ่งยังมีขั้นตอนหรือวิธีการอีกมากมายเพียงแค่คุณต้องหมั่นตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่บ่อยๆ เพราะบ้านคือหัวใจสำคัญของคนในครอบครัว นอกจากจะเป็นที่อยู่อาศัยแล้วยังเป็นที่รวมความรักของสมาชิกไว้ด้วยกัน ฉะนั้นจึงต้องคอยซ่อมแซมและรักษาให้เป็นอย่างดีค่ะ
สิ่งที่ควรตรวจเช็คสำหรับบ้านเก่า ก่อนจะเริ่มงานซ่อมด้วยตัวเอง
การตรวจสอบโครงสร้างบ้านเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย โดยควรตรวจสอบฐานรากอาคารทรุดตัว เสาบ้านเอียง คานหัก ผนังร้าว หรือหลังคารั่ว นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบงานตกแต่งภายใน เช่น วงกบหน้าต่าง วงกบประตู ประตูเอียง ราวบันไดหัก ปาร์เก้ต์ลอย ฝ้าเพดานเปื่อย และตรวจสอบระบบสุขาภิบาล เช่น ท่อระบายน้ำอุดตัน ส้วมเต็ม ท่อน้ำประปารั่ว รวมถึงระบบไฟฟ้า เช่น ไฟรั่ว ปลั๊กไฟเสื่อมสภาพ และสวิตช์มีกระแสไฟฟ้า
วิธีการซ่อมแซมบ้านเก่าที่ไม่กระทบโครงสร้างหรือไม่ต้องขออนุญาต เช่น การทาสี ปูกระเบื้อง และเปลี่ยนหน้าต่าง สามารถดำเนินการได้เอง แต่ถ้าเป็นการดัดแปลงต่อเติมจากโครงสร้างเดิม ต้องขออนุญาตเพื่อพิจารณาว่าเข้าข่ายเงื่อนไขการดัดแปลงหรือไม่ และถ้าส่งผลกระทบโครงสร้างต้องขออนุญาตวิศวกรรมอาคารเข้ามาตรวจสอบ เพื่อความปลอดภัย และให้ถูกต้องตามข้อกฏหมาย
จุดสำคัญภายในบ้านที่ต้องเริ่มซ่อมก่อนเป็นอันดับแรก
การซ่อมแซมบ้านเก่าเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจอย่างมาก เพราะบ้านเป็นที่อยู่อาศัยและพักผ่อนของครอบครัว สำหรับวิธีปรับปรุงบ้านเก่าให้ดูใหม่ และการดูแลรักษาบ้าน โดยเฉพาะ จุดอันตรายที่ต้องรีบแก้ไข เนื่องจากจุดเล็กๆ นี้อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้โดยไม่ทันตั้งตัว ฉะนั้นเราควรรีบแก้ไขในเบื้องต้นอย่างถูกวิธี โดยแต่ละจุดก็จะมีวิธีที่สามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง
- ไม้ผุพัง : การทิ้งให้ไม้ผุพังไว้นานๆ จะทำให้การซ่อมแซมนั้นยากขึ้น และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์และแมลงตัวเล็กๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นได้ และเมื่อต้องการซ่อมแซมไม้ผุพัง ควรเอาส่วนที่ผุออกก่อนแล้วเสริมไม้ใหม่เข้าไปแทน และควรทำในช่วงที่ไม้แห้ง หากไม่มั่นใจ ควรจะจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญ
- ท่ออุดตัน : การทำความสะอาดท่อหรือทางระบายน้ำเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมขัง หรือส่งกลิ่นเหม็น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงอีกด้วย ดังนั้นควรหมั่นสำรวจและทดสอบฉีดน้ำล้างเพื่อตรวจสอบว่าน้ำไหลผ่านได้สะดวกหรือไม่ หากปบถึงความผิดปกติ ก็ควรเริ่มทำความสะอาดท่อด้วยตัวเองได้เลย
- กระเบื้อง : การซ่อมแซมหรือเปลี่ยนกระเบื้องที่แตกร้าวบนพื้นหรือพื้นที่จอดรถสามารถป้องกันการขยายขนาดของรอยแตกได้ และช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการซ่อมแซมอีกด้วย
- คราบน้ำ : การพบคราบน้ำในบ้านอาจเป็นสัญญาณของการรั่วของท่อน้ำหรือน้ำที่รั่วมาจากหลังคา จึงต้องหาจุดรั่วและแก้ไขโดยเร่งด่วน เช่น พบคราบน้ำที่บริเวณหน้าต่างหรือฝ้าเพดาน ให้เช็คที่ท่อระบายน้ำหรือห้องน้ำด้านบน และประเมินปัญหาว่าสามารถแก้ไขเองหรือต้องเรียกช่างมาช่วยแทน
- ก๊อกน้ำรั่ว : การเจอก๊อกน้ำหรือหัวฉีดน้ำฝักบัวที่รั่วอาจเป็นปัญหาใหญ่หากปล่อยไว้นานวันเข้า จะทำให้เสียน้ำไปและเกิดปัญหาน้ำขังหรือคราบสกปรกเชื้อราเกาะที่บริเวณหัวก๊อก วิธีการแก้ไขคือเปลี่ยนหัวก๊อกใหม่หรือเปลี่ยนลูกยางที่อยู่ข้างในแทนก็ได้
สำหรับการซ่อมแซมบ้านเก่า หรือการดูแลบ้านเก่าให้ดูใหม่ขึ้น โดยรวมแล้วถือว่ามีอยู่หลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงด้วยกัน สำหรับการซ่อมแซมบ้านนั้นควรเลือกใช้วัสดุในการซ่อมแซมที่ถูกต้องตรงกับสภาพอากาศของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุไม้ ไปจนถึงท่อน้ำ หรือระบบประปา และจุดที่ควรเช็คมากที่สุดนั่นก็คือในเรื่องของประตูและหน้าต่าง สิ้นเชิงควรจะต้องตรวจสอบกลอนหรือลูกบิด หากพบว่ามีการชำรุด หรือเจอปัญหาเกี่ยวกับวงกบไม่ตรงกับเดือยล็อค ก็ควรเปลี่ยนเป็นลูกบิดใหม่หรือกลอนใหม่ในทันทีเพื่อความปลอดภัย รวมมาถึงปัญหาที่อยากเจอได้ทั่วไปนั่นก็คือเรื่องของสี ซึ่งเมื่อถึงกำหนดอายุการใช้งานก็จะมีการหลุดร่อน หรืออาจจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับสีลอกเพราะด้วยสภาพอากาศ หรือเป็นเพราะการเลือกใช้สีผิดประเภท สำหรับการซ่อมแซมบ้านนั้นถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ซึ่งไม่สามารถซ่อมแซมทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้ หากเป็นการซ่อมด้วยตัวเองนั้นควรจะตรวจสอบจุดที่เสียหายของบ้าน และทยอยซ่อมทีละจุดอยากถูกวิธี
โฟร์แมนเป็นงานประจำ เขียนบทความเกี่ยวกับช่างและงานก่อสร้างเป็นงานเสริม รักการก่อสร้างเป็นชีวิตจิตใจ สนใจติดต่องานก่อสร้างติดต่อในอีเมลได้เลยครับ ผู้เขียนเว็บไซต์ Constructacon