การตกแต่งห้องที่ไม่มีหน้าต่าง จัดบ้าน อย่างไรดี?

บทความอัพเดทล่าสุดเมื่อ August 1, 2023

จัดบ้าน ให้กับห้องทึบ ๆ  ไม่มีหน้าต่างเลยสักบาน มีแต่หลอดไฟ คงจะเป็นอะไรที่อึดอัดและน่าหนักใจน่าดู เพราะอากาศนอกจากจะถ่ายเทไม่สะดวกแล้ว ยังทำให้สมองไม่แล่น ไม่มีแรงบันดาลใจในการทำงานอีกด้วย  ดังนั้นการแต่งห้องก็เป็นทางเลือกที่ดีทำจะทำให้เรามีความสดชื่นขึ้น มีแรงบันดาลใจมากขึ้น แน่นอนว่าเทคนิคการตกแต่งบ้านให้สว่างและไอเดียเหล่านี้ไม่เกินงบในกระเป๋าคุณแน่นอน และอาจจะไม่ต้องเสียเงินเลยด้วย เพราะเราสามารถใช้ของที่มีในบ้านนี่แหละ มาตกแต่งให้น่าอยู่ได้ ทีนี้ไปดูเทคนิคกันว่ามีอะไรบ้าง

---

1. จัดบ้าน ด้วยการสร้างหน้าต่างจำลอง

ไอเดียนี้ก็เป็นไอเดียที่สามารถทำให้ห้องทึบมีหน้าต่างได้ โดยการนำรูปธรรมชาติ หรือรูปที่มีสภาพใกล้เคียงภายนอกบ้านเรา นำมาติดซะเลย โดยควรเลือกรูปที่มีขนาดใหญ่  จะได้มีความสมจริงเหมือนหน้าต่าง และยังทำให้มันเป็นจุดสนใจ ซึ่งทำให้เราไม่เบื่อนั่นเอง

---

2. จัดบ้าน ด้วยการติดกระจก

กระจกก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แทนหน้าต่างได้ดีทีเดียว โดยส่วนใหญ่จะนิยมกระจกบานใหญ่เช่นกัน เพื่อความสมจริง และเป็นการติดกระจกให้ถูกหลักฮวงจุ้ยด้วย ซึ่งอาจจะติดม่านไว้ข้าง ๆ กระจก เพื่อที่จะจำลองหน้าต่างขึ้นมาก็ได้

---

3. จัดบ้าน โดยทาผนังสีจัด ๆ ลายงาม ๆ

ผนังที่มีลายที่ดูแปลกตา และมีสีที่เป็นเอกลักษณ์ ก็สามารถทำให้เรามีจุดสนใจในห้อง และทำให้เราไม่รู้อุดอู้จนเกินไปอีกด้วย หากสีสีอ่อนสลับกันจะเป็นการช่วยเพิ่มมิติให้กับห้อง ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นได้อีกด้วย

---

4. การจัดตำแหน่งไฟ

ตำแหน่งไฟ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับห้องทึบ เพราะถ้าไฟมีอยู่ที่ตรงกลางที่เดียวก็ทำให้แสงไปอยู่ในที่ ๆ เดียวดูทึม ๆ มืดมัว หดหู่สุด ๆ แต่ถ้ากระจายหลอดเล็ก ๆ ไปอยู่ที่มุมอับแสงด้วย ก็จะทำให้ห้องสว่างขึ้นและไม่น่ากลัวอีกต่อไป

---

5. จัดบ้าน โดยวางต้นไม้

การนำต้นไม้พุ่มเล็ก ๆ ทั้งต้นไม้ปลอมหรือต้นไม้จริงเข้ามาก็สามารถทำให้ห้องเราดูน่าอยู่ขึ้นเช่นกัน แต่ก็ไม่ควรเลือกต้นใหญ่เพราะจะเกะกะและเลอะเทอะอีกด้วย

---

การตกแต่งห้องที่ไม่มีหน้าต่าง เพื่อเพิ่มความสว่างและปรับตามหลักฮวงจุ้ย

การตกแต่งห้องที่ไม่มีหน้าต่าง เป็นเรื่องที่ท้าทายและต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการจัดห้องให้สว่างและมีชีวิตชีวาอย่างเหมาะสมกับการใช้งานของห้องนั้น ๆ ซึ่งการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งภายในห้องสามารถช่วยเพิ่มความสว่างสดใสให้กับห้องได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการทำให้ห้องดูสว่างและสดใสควรคำนึงถึงสิ่งของต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ตกแต่งห้อง นอกจากนี้ ยังมีการใช้หลักฮวงจุ้ยกระจกเพื่อเพิ่มความสว่างในห้องภายในบ้าน ทำให้ห้องดูโปร่ง โล่ง และไม่อึดอัดอีกด้วย

---

เคล็ดลับการจัดบ้านไม่มีหน้าต่าง ให้มีแสงสว่างด้วยการใช้ฮวงจุ้ยกระจก

การมีแสงสว่างในบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากเพราะมันช่วยให้บ้านดูสะอาดและสดชื่นมากขึ้น แต่ในบางครั้งบ้านอาจไม่มีหน้าต่างหรือหน้าต่างไม่เพียงพอที่จะให้แสงสว่างเข้ามาได้เต็มที่ วิธีการแก้ไขปัญหานี้คือการใช้ฮวงจุ้ยกระจกเพื่อสะท้อนแสงจากภายนอกเข้ามาในบ้าน มาดูเคล็ดลับและข้อห้ามเกี่ยวกับการติดกระจกให้ถูกหลักฮวงจุ้ย เพื่อให้บ้านของคุณมีแสงสว่างอย่างเหมาะสมและน่าอยู่ตลอดเวลากัน

• ไม่ควรวางกระจกไว้กลางบ้านหรือห้องรับแขก เพราะจะทำให้บ้านอึดอัดและไม่น่าอยู่ ไม่ว่าจะวางไว้หันหน้าไปทิศใดก็ตาม
• การวางกระจกสองบานหันหน้าเข้าหากันในบ้านตามหลักฮวงจุ้ยจะทำให้บ้านวุ่นวาย เนื่องจากกระแสพลังงานถูกส่งผ่านไปมาระหว่างกระจก ทำให้คนในบ้านสับสน วุ่นวาย และทะเลาะกันได้
• การวางกระจกสะท้อนแสงไปที่ประตูทำให้เกิดความขุ่นเคืองและการทะเลาะวิวาทในบ้าน และอาจเป็นการสะท้อนเงินทองโชคลาภออกไป บางตำราบอกว่ามันยังทำให้สุขภาพไม่ดีด้วย
• เพื่อป้องกันการรบกวนข้างบ้านและความขุ่นเคืองใจ ควรตรวจสอบว่ากระจกที่วางไว้ไปตรงข้ามกับหน้าต่างหรือบ้านอื่นหรือไม่
• การวางกระจกตรงข้ามหัวเตียง อาจทำให้ตกใจง่ายขึ้น และหากวางไว้ปลายเท้าอาจทำให้คนที่นอนไม่หลับดีและป่วยบ่อย ดังนั้นควรปฏิบัติตามหลักธรรมชาติและหลักฮวงจุ้ย

ในการออกแบบบ้านให้ถูกหลักฮวงจุ้ยนั้น ควรเลือกกระจกชิ้นใหญ่เพื่อกำจัดสิ่งไม่ดีได้รวดเร็ว และในห้องน้ำควรใช้กระจกขนาดใหญ่เพื่อจำกัดสิ่งสกปรกและเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าของบ้านและผู้อาศัย ทั้งนี้ การใช้กระจกบานใหญ่ยังช่วยเพิ่มความน่าอยู่ของบ้านและยังช่วยถ่ายทอดแสงได้ดี ทำให้ลดการใช้หลอดไฟ กระจกขนาดใหญ่จึงจะตอบโจทย์ได้ดีกว่ากระจกขนาดเล็กนั่นเอง

---

การจัดบ้านสำหรับห้องที่ไม่มีหน้าต่าง เพื่อเพิ่มความสว่างสดใส

การแต่งห้องให้สว่างสดใสจะช่วยให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย และพร้อมที่จะทำสิ่งดี ๆ ในบ้านของคุณ ซึ่งเทคนิคจัดบ้านให้สว่างที่จะช่วยทำให้บ้านของคุณดูสดใสแบบง่าย ๆ แถมไฉไลกว่าเดิม มีดังนี้

• ติดผ้าม่านแบบโปร่งแสง: การใช้ผ้าม่านที่เหมาะสมสามารถเพิ่มแสงสว่างให้กับห้องได้อย่างง่ายดาย
• ใช้โคมไฟโปร่งแสง: โคมไฟผ้าสีขาวหรือโทนอ่อน เช่น ผ้าฝ้ายหรือผ้าลินิน เป็นวัสดุที่ช่วยกระจายแสงได้ดีและทำให้ห้องสว่างมากขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนหลอดไฟใหม่
• เลือกเฟอร์นิเจอร์กระจก: การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของกระจก จะช่วยเพิ่มระดับความสว่างของแสงได้ และเพิ่มเสน่ห์ให้ห้องดูสวยงามและแปลกตามากยิ่งขึ้น
• ใช้ประตูบานกระจก: การเปลี่ยนประตูภายในบ้านจากประตูแบบทึบเป็นประตูบานกระจก เป็นทางเลือกที่ดีในการส่งผ่านแสงธรรมชาติไปยังห้องอื่น ๆ
• ใช้หลอดไฟที่มีกำลังวัตต์เหมาะสม: การเลือกใช้หลอดไฟที่เหมาะสมกับขนาดห้องและการใช้งานสามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการเลือกใช้หลอดไฟที่มีกำลังวัตต์ต่างกันสลับกัน
• ใช้หลอดไฟทรงกลม: การเปลี่ยนหลอดไฟโคมไฟฟ้าระย้าเป็นหลอดไฟทรงกลมจะช่วยลดบรรยากาศความอึดอัดในห้องได้
• ใช้ของตกแต่งที่มีแสงไฟ: แสงเทียนไขเป็นตัวช่วยชั้นดีในการเพิ่มความโรแมนติกให้กับห้อง แต่ไม่เหมาะสมกับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง เนื่องจากอาจเกิดอันตราย แนะนำให้ใช้เทียนไขจากแบตเตอรี่แทน
• ติดตั้งจุด up lights: การใช้ up lights หรือไฟสปอตไลท์ขนาดเล็ก ๆ สามารถติดตั้งได้ตามที่ต่าง ๆ เช่น ตามเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ หรือมุมบ้าน เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและความสวยงามให้กับบ้าน
• ใช้ระบบหรี่ไฟ (Dimmer): การนำระบบหรี่ไฟมาใช้ในบ้านรุ่นใหม่ช่วยปรับระดับแสงสว่างให้เหมาะสมกับแต่ละห้องในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน เช่น ห้องนอนไม่ต้องการแสงสว่างมากในช่วงกลางคืน การติดตั้งระบบหรี่ไฟจะช่วยให้ห้องได้รับแสงที่เหมาะสม
• เปลี่ยนหลอดไฟเป็นประจำ: หลอดไฟมีอายุการใช้งานจำกัดและสามารถสังเกตได้จากความสว่างที่ลดลง ถ้าแสงสว่างน้อยลงจนถึงขั้นริบหรี่ นั่นคือเวลาที่ต้องเปลี่ยนหลอดไฟใหม่แล้ว

---

การจัดบ้านสำหรับห้องที่ไม่มีหน้าต่างเพื่อเพิ่มความสว่างสดใส จะเห็นได้ว่าไม่จำเป็นต้องมีหน้าต่างในห้องเพื่อให้มีความสว่างสดใส แต่สามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความโล่งและสว่างในห้องได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเคล็ดลับต่าง ๆ เช่น การเลือกใช้ไฟ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มความสว่างสดใสในห้อง การใช้ฮวงจุ้ยกระจกเพื่อส่องแสงและเพิ่มความโล่งในห้อง และการจัดเรียงเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นระเบียบ ซึ่งการตกแต่งห้องทึบยังมีอีกมากมายตามการใช้งาน ตามสไตล์ของผู้อยู่อาศัย ถึงแม้ห้องจะทึบก็ไม่จำเป็นจะต้องทำให้เรารู้สึกอึกอัดตลอดเวลา ดังนั้นหากลองนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูก็อาจจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว